คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้ที่ผู้กู้กดลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพะยานรับรอง 2 คน แต่อีกคนหนึ่งลงชื่อภายหลังทั้งมิได้รู้จากผู้พิมพ์นิ้วมือว่าจะเป็นลายนิ้วมือเขาหรือไม่นั้น นับว่าไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 9 การกู้เงินซึ่งกฎหมายต้องการหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้ง ๒ ใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ยตามสัญญากู้
คดีได้ความว่าเดิมจำเลยทั้ง ๒ ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๕๔๘ บาทครบกำหนดแล้วไม่ใช้ จำเลยจึงทำสัญญาเปลี่ยนให้ใหม่แต่ตามสัญญาใหม่นี้จำเลยที่ ๑ มิได้ลงชื่อในสัญญาด้วย โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนมากู้ จำเลยที่ ๒ ได้กดลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ มีล.แล ม. ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือแต่ปรากฎว่า ม.พึงมาลงชื่อในภายหลังทั้งมิได้อยู่ในขณะที่ทำสัญญา
ศาลฎีกาเห็นว่า ม. ได้ลงชื่อรับรองในภายหลังโดยมิได้รู้เห็นจากจำเลยที่ ๒ ว่าจะเป็นลายมือจำเลยหรือไม่ สัญญานี้จึงเป็นอันใช้ได้ตามกฎหมาย แลไม่เป็นหลักฐานที่จะนำมาฟ้องร้องจำเลยที่ ๒ ได้ ส่วนข้อที่จำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ มากู้แทนนั้นเห็นว่าการกู้เงินรายนี้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย ซึ่งในคดีนี้หามีไม่ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิด พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

Share