คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6778/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้อ. บิดาผู้ร้องจะเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยและมีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยซึ่งผู้ร้องจะมีสิทธิรับมรดกของอ. ก็ตามแต่จำเลยก็เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นการรับมรดกของอ. ในหุ้นบริษัทจำเลยของผู้ร้องจึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ร้องจะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยไม่ เมื่อผู้ร้องเข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของอ. ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยผู้ร้องจึงเป็นบริวารของจำเลยและไม่มีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทต่อไปได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมว่า จำเลยยอมขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 160779 และ 158175ตำบลหัวหมาก (หัวหมากใต้) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานครและตึกแถวสี่ชั้นเลขที่ 2151/2-3 ถนนรามคำแหง ซอย 43/1แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ภายในวันที่ 12 ธันวาคม 2537 แต่จำเลยและบริวารไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ขอให้บังคับคดีและเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2538 ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลยยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาล
ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสี่ไม่ใช่บริวารของจำเลยผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นบุตรผู้เยาว์ของนายอดุลย์กะมาลอ กับผู้ร้องที่ 4 เดิมนายอดุลย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยและถือหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยเมื่อประมาณต้นปี 2532จำเลยซื้อที่ดินและตึกแถวพิพาทเพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งบริษัทจำเลยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2533 นายอดุลย์ ถึงแก่กรรมโดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้บิดามารดาของนายอดุลย์และผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3เป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนายอดุลย์ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2533นางมีเป๊าะ กะมาลอ มารดาของนายอดุลย์ ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ตั้งผู้ร้องที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกของนายอดุลย์ แต่นางสาวสุรัสวดี สุกิตติวรางกูร ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องที่ 4 และนางสาวสุรัสวดี เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2534 ขณะที่ผู้ร้องที่ 4เดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว นางสาวสุรัสวดีนางสาวจารุวรรณี สุกิตติวรางกูร และนายมะยะโกะ กะมาลอฉวยโอกาสยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นโดยแสดงหลักฐานเท็จขอให้เพิกถอนผู้ร้องที่ 4 ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนผู้ร้องที่ 4 ตามขอ จากนั้นนางสาวสุรัสวดี นางสาวจารุวรรณีและนายมะยะโกะร่วมกันยักยอกมรดกของนายอดุลย์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยหุ้นของนายอดุลย์ ในบริษัทจำเลย นางสาวสุรัสวดีแกล้งโอนขายให้แก่นางสาวจารุวรรณี และบุคคลทั้งสามได้จัดรายงานการประชุมบริษัทจำเลยด้วยข้อความอันเป็นเท็จไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร โดยให้บุคคลทั้งสามเป็นกรรมการของบริษัทจำเลย และกรรมการคนหนึ่งคนใดมีอำนาจทำการแทนจำเลยได้ แล้วบุคคลทั้งสามแกล้งโอนขายที่ดินและตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์โดยไม่ได้มีการซื้อขายกันจริง และให้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและตึกแถวพิพาท เพื่อให้ผู้ร้องทั้งสี่ซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทออกไปจากที่ดินและตึกแถวพิพาทผู้ร้องทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนนางสาวสุรัสวดีออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายอดุลย์และฟ้องเพิกถอนการโอนหุ้นในบริษัทจำเลย ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องทั้งสี่ไม่ใช่บริวารของจำเลยและมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องทั้งสี่เป็นบริวารของจำเลยซึ่งเช่าที่ดินและตึกแถวพิพาทของโจทก์ โจทก์รับโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่เป็นความเท็จและยื่นเข้ามาประวิงคดีให้ชักช้า ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
ผู้ร้อง ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ทั้ง สี่ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องทั้งสี่ว่าตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่แสดงอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทได้หรือไม่ เห็นว่า แม้นายอดุลย์ กะมาลอบิดาผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยและมีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยซึ่งผู้ร้องที่ 1 ที่ 2และที่ 3 โดยผู้ร้องที่ 4 มารดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมจะมีสิทธิรับมรดกของนายอดุลย์ ก็ตาม แต่จำเลยก็เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น การรับมรดกของนายอดุลย์ ในหุ้นบริษัทจำเลยของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ร้องทั้งสี่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยไม่ เมื่อผู้ร้องทั้งสี่เข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของนายอดุลย์ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยผู้ร้องทั้งสี่จึงเป็นบริวารของจำเลยและไม่มีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทต่อไปได้
พิพากษายืน

Share