แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุ1วันพ. ได้ขอยืมรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุจากหัวหน้าช่างของจำเลยที่4ออกไปข้างนอกเพื่อซื้อก๋วยเตี๋ยวรับประทานการรับประทานอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพให้มีชีวิตอยู่มีกำลังในการทำงานถึงแม้จำเลยที่4มีระเบียบว่าเมื่อเลิกงานแล้วคนงานจะออกไปจากที่ก่อสร้างไม่ได้และจำนำรถไปใช้หลังจากเลิกงานแล้วไม่ได้ก็ตามก็เป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่4กับพนักงานจะนำระเบียบดังกล่าวไปใช้ยันกับบุคคลภายนอกเพื่อปัดความรับผิดหาได้ไม่ปรากฎว่าพ. กับพวกซื้อก๋วยเตี๋ยวไม่ได้จึงออกไปรับประทานอาหารในเขตจังหวัดลำปางจากนั้นจึงพากันไปที่บ้านว. ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่ก่อสร้าง60กิโลเมตรจึงยังเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตการอนุญาตของหัวหน้าช่างผู้มีสิทธิอนุญาตให้นำรถไปใช้แทนจำเลยที่4ซึ่งเป็นนายจ้างถือได้ว่าจำเลยที่4ร่วมรู้เห็นในการให้พ. นำรถออกไปใช้ด้วยดังนั้นการที่พ. นำรถออกไปใช้ดังกล่าวเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่4จำเลยที่4ในฐานะนายจ้างและจำเลยที่5ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการนำรถไปกระทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 697,630.65 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 652,200 บาทนับจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ในฐานะผู้รับมรดกของนายไพฑูรย์ โล่วันทา จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับมรดกของนายคนึง เกี่ยงแก้ว ร่วมกันชำระเงิน 350,000บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 26กันยายน 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องจำเลยที่ 4 และที่ 5 คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้ ฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 26กันยายน 2533 นายไพฑูรย์ โล่วันทา นายคนึง เกี๋ยงแก้วนายสิงห์ โพธินิล นายวัลลภ เทพประสิทธิ์ และนายเรืองฤทธิ์ กันเอ้ยได้นำรถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน 1 ย – 4111 กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นของจำเลยที่ 4 และ ที่ 5 ขับไปตามถนนสายวังชิ้น-อำเภอลองจะกลับอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง รถที่ขับไปได้เกิดชนกันกับรถโดยสารประจำทางปรับอากาศคันหมายเลขทะเบียน 10-1311 ชัยภูมิของโจทก์ ซึ่งมีนายวีระ มีเทศ เป็นผู้ขับไปตามถนนสายเด่นชัย-ลำปาง มุ่งหน้าไปจังหวัดลำปาง ตรงบริเวณสี่แยกบ้านแม่แขมซึ่งถนนทั้งสองสายตัดกัน ในเขตตำบลหัวทุ่ง อำเภอลองจังหวัดแพร่ เป็นเหตุให้นายไพฑูรย์ นายสังห์ และนายคนึงถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า จำเลยที่ 4 และที่ 5 ในฐานะนายจ้างจะต้องร่วมรับผิดในผลการกระทำละเมิดของนายไพฑูรย์ กับนายคนึง ลูกจ้างหรือไม่ จากประเด็นดังกล่าวมีข้อที่จะต้องพิจารณาก่อนเป็นเรื่องแรกว่า การที่นายไพฑูรย์และนายคนึงลูกจ้างของจำเลยที่ 4 และที่ 5 นำรถยนต์กระบะของนายจ้างออกไปนอกสถานที่ทำการจนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุรถชนกันนั้น เป็นการกระทำในทางการที่จ้างหรือไม่ จากคำเบิกความของนายวัลลภ เทพประสิทธิ์พยานโจทก์ว่า ได้ร่วมไปกับผู้ตายด้วย โดยก่อนเกิดเหตุ 1 วันนายไพฑูรย์ได้ขอยืมรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุจากหัวหน้าช่างของจำเลยที่ 4 ออกไปข้างนอกเพื่อซื้อก๋วยเตี๋ยวรับประทานการรับประทานอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพให้มีชีวิตอยู่มีกำลังในการทำงาน ถึงแม้นายวีระพล ภมรพล พยานจำเลยซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 4 จะนำสืบว่า จำเลยที่ 4 มีระเบียบว่าเมื่อเลิกงานแล้วคนงานจะออกไปจากที่ก่อสร้างไม่ได้ และพยานเป็นผู้ให้นายเจริญ เสนีชัย เป็นผู้มีหน้าที่ขับรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุและเป็นผู้เก็บรักษาจะนำรถไปใช้หลังจากเลิกงานแล้วไม่ได้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่ 4 กับพนักงานจะนำระเบียบดังกล่าวไปใช้ยันกับบุคคลภายนอกเพื่อปัดความรับผิดหาได้ไม่ คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายไพฑูรย์กับพวกซื้อก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ จึงได้ไปรับประทานอาหารในเขตจังหวัดลำปาง1 ชั่วโมง ต่อจากนั้นจึงได้พากันไปที่บ้านนางสาววัชราภรณ์ เอ้ยวันซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่ก่อสร้าง 60 กิโลเมตร ศาลฎีกาเห็นว่ายังเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบของการอนุญาตของหัวหน้าช่างผู้มีสิทธิอนุญาตให้นำรถไปใช้แทนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นนายจ้าง อันถือได้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมรู้เห็นในการให้นายไพฑูรย์นำรถออกไปใช้ดังกล่าวด้วยกรณีจึงต้องฟังว่าการที่นายไพฑูรย์นำรถออกไปใช้ดังกล่าวเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4ในฐานะนายจ้างและจำเลยที่ 5 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดอันเกิดจากการนำรถไปกระทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องจำเลยที่ 4 และที่ 5 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ชำระเงินแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์