คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นำความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจกล่าวโทษว่าเขาลักตัดยางและเอาไฟเผาสวนยางด้วยโดยความจริงเขามิได้กระทำผิดดังข้อหานั้นเลยดังนี้แม้เจ้าพนักงานตำรวจจะมิได้จดข้อความที่แจ้งความนั้นไว้ในสมุดลงประจำวันผู้แจ้งก็มีความผิดฐานแจ้งความเท็จร้องเรียนเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา158 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าโจทก์ลักตัดยางและเผาสวนยางของจำเลยเสียหายและจำเลยนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับโจทก์มาควบคุมไว้หลายชั่วโมงทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ ความจริงจำเลยไม่มีสวนยางโจทก์ไม่ได้เผาสวนยางดังจำเลยร้องเรียน ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลจังหวัดสงขลาเห็นว่าที่จำเลยแจ้งกล่าวหาโจทก์นี้มิได้จดแจ้งความลงประจำวันเป็นทำนองจำเลยมาสอบถามเรื่องเดิมการที่เจ้าหน้าที่เอาตัวโจทก์มาเป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของตำรวจจะพิจารณาจำเลยไม่ผิด พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อจำเลยได้ร้องเรียนเท็จฯ จนเจ้าพนักงานต้องไปจับโจทก์มาแม้จะมิได้ลงประจำวันไว้ก็นับว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้ว จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 158 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้จำคุก 4 เดือน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเถียงของจำเลยที่ว่าเจ้าพนักงานตำรวจมิได้มีการลงประจำวันไว้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แจ้งความดังนั้นเป็นข้อเถียงที่ฟังไม่ได้ ต้องสุดแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป แต่ผู้กระทำผิดได้ร้องเรียนเท็จต่อเจ้าพนักงานโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จจริงหรือไม่ โดยไม่จำเป็นว่าเจ้าพนักงานจำต้องจดแจ้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป เพราะขณะที่แจ้งความเท็จนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว จึงพิพากษายืน

Share