แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 เข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ในช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถเพื่อลักทรัพย์ของผู้โดยสารโดยมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าด้วยความรู้เห็นเป็นใจของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ขับรถขณะนำรถมาจอดและรับประทานอาหาร การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 4 ลักทรัพย์ผู้เสียหาย จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่บริการเพื่อการจ้างเหมาโดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการได้ใช้รถยนต์โดยสารไม่ประจำทางหมายเลขทะเบียน 30-4024 กรุงเทพ-มหานคร ซึ่งเป็นรถที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในการประกอบการขนส่งของจำเลยที่ 1 ขนส่งผู้โดยสารจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อไปส่งยังกรุงเทพมหานครอันเป็นการกระทำการขนส่งมีลักษณะคล้ายกับบริษัทขนส่ง จำกัด และมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับบริษัทขนส่ง จำกัด และจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กับพวกได้ร่วมกันลักเอาเช็คเดินทางวีซ่าฉบับละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 1 ฉบับ ราคา 2,500 บาท ฉบับละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 2 ฉบับ ราคา 2,500 บาท ธนบัตรปอนด์สเตอร์ลิง ฉบับละ 10 ปอนด์จำนวน 1 ฉบับ ราคา 400 บาท ของนายลีออน เมสัน ผู้เสียหายที่ 1 กล่องบรรจุอัญมณี1 กล่อง ราคา 100 บาท อัญมณี 2 เม็ด ราคา 2,000 บาท ของนายทีโยชิ มาเอดะผู้เสียหายที่ 2 ไปโดยทุจริต โดยการลักทรัพย์ดังกล่าวได้กระทำในรถยนต์โดยสารขณะรับส่งผู้โดยสารอันเป็นยวดยานสาธารณะ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40, 138ริบมีดพับและไฟฉายของกลาง ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คืนหรือใช้ราคา อัญมณี2 เม็ด เป็นเงิน 2,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40, 138 ปรับ 150,000 บาท จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(9) วรรคสอง ประกอบมาตรา 86 จำคุก2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(9)วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ริบมีดพับและไฟฉายของกลาง กับให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาอัญมณี 2 เม็ด เป็นเงิน 2,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 คำขออื่นให้ยก ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(9) วรรคสอง จำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 2 ปี ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ขับรถยนต์โดยสารปรับอากาศคันหมายเลขทะเบียน 30-4024 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 1 รับผู้โดยสารจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อไปส่งยังกรุงเทพมหานครโดยมีจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 โดยสารมากับรถคันดังกล่าวด้วย ระหว่างทางจำเลยที่ 4 ได้เข้าไปซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถแล้วเปิดกระเป๋าลักเอาเช็คเดินทางวีซ่าฉบับละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน1 ฉบับ ราคา 2,500 บาท ฉบับละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 2 ฉบับ ราคา 2,500 บาทธนบัตรปอนด์สเตอร์ลิงฉบับละ 10 ปอนด์ จำนวน 1 ฉบับ ราคา 400 บาท ของผู้เสียหายที่ 1 กับลักเอากล่องบรรจุอัญมณี 1 กล่อง ราคา 100 บาท อัญมณี 2 เม็ด ราคา 2,000บาท ของผู้เสียหายที่ 2 ที่เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง พันตำรวจโทชัดชัย เลี่ยมสงวนสารวัตรสืบสวน กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวกับพวกได้ร่วมกันจับกุมจำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 พร้อมยึดเช็คเดินทางวีซ่า 3 ฉบับ ธนบัตรปอนด์สเตอร์ลิงจำนวน 1 ฉบับของผู้เสียหายที่ 1 กล่องบรรจุอัญมณี 1 กล่อง ของผู้เสียหายที่ 2 กับมีดพับ 1 เล่ม และไฟฉาย 1 กระบอก ที่จำเลยที่ 4 ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลางนำส่งร้อยตำรวจเอกเมือง พรมเกษา พนักงานสอบสวนแผนก 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว… ดังนี้ เชื่อว่าจำเลยที่ 4 เข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ในช่องเก็บสัมภาระเพื่อลักทรัพย์ของผู้โดยสารได้นั้นได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยความรู้เห็นเป็นใจของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ขับรถ เพราะจำเลยที่ 3 ได้รับเงิน 1,500 บาท จากนายประจวบหรือแหววเป็นค่าตอบแทนสำหรับการนิ่งเฉย ให้คนแอบเข้ามาซ่อนตัวในช่องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถเพื่อลักทรัพย์จากกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ ขณะนำรถมาจอดและรับประทานอาหารที่อำเภอทับสะแก การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 4 ลักทรัพย์ผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พยานของจำเลยที่ 3ที่นำสืบว่าไม่ได้กระทำความผิดไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7)(9) วรรคสอง ประกอบมาตรา 86 จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์