คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรแสดงว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกันจะลงโทษจำเลยในทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวย่อมไม่ได้คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ว่าข้าพเจ้าขอให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องย่อมไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใดจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้. โจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ไม่ชัดแจ้งโจทก์ก็ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไปเพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยคดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยใหม่.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย กระทำ ผิด ฐาน ลักทรัพย์ หรือ รับ ของ โจร ขอ ให้ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357
จำเลย ให้การ รับสารภาพ ว่า ได้ กระทำ ความผิด จริง ตาม ฟ้อง โจทก์แถลง ไม่ ติดใจ สืบพยาน
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา357 จำคุก 4 ปี จำเลย ให้การ รับสารภาพ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง คง จำคุก2 ปี ยกฟ้อง ฐาน ลักทรัพย์
จำเลย อุทธรณ์ ขอ ให้ ลงโทษ สถานเบา
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง โจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย กระทำ ผิด ฐานลักทรัพย์ หรือ รับ ของ โจร แสดงว่า โจทก์ ประสงค์ ขอ ให้ ลงโทษ จำเลยใน ข้อหา ใด ข้อหา หนึ่ง เพียง ข้อหา เดียว เพราะ ความผิด ฐาน ลักทรัพย์กับ ความผิด ฐาน รับ ของ โจร เป็น ความผิด คน ละ ฐาน กัน จะ ลงโทษ จำเลยใน ทั้ง สอง ฐาน ความผิด ดังกล่าว ย่อม ไม่ ได้ คำให้การ รับสารภาพ ของจำเลย ที่ ว่า ‘ข้าพเจ้า ขอ ให้ การ รับสารภาพ ว่า ได้ กระทำ ความผิดจริง ตาม ฟ้อง’ ย่อม ไม่ ชัดเจน พอ ที่ จะ ชี้ขาด ว่า จำเลย ได้ กระทำผิด ฐาน ใด จึง เป็น หน้าที่ ของ โจทก์ จะ ต้อง สืบพยาน ให้ ได้ ความถึง การ กระทำ ผิด ของ จำเลย เมื่อ โจทก์ ไม่ สืบพยาน จึง ลงโทษ จำเลยไม่ ได้ ทั้งนี้ ตาม นัย คำพิพากษา ฎีกา ที่ 819/2513 ระหว่างพนักงานอัยการ จังหวัด ชลบุรี โจทก์ นาย สังเวียน แซ่อึ้ง กับพวก จำเลยและ คำพิพากษา ฎีกา ที่ 711/2528 ระหว่าง พนักงานอัยการ จังหวัด น่านโจทก์ นาย เมธี มงคล จำเลย ส่วน ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า ศาลชั้นต้น จดคำให้การ ของ จำเลย ลง ใน แบบพิมพ์ ว่า จำเลย รับสารภาพ ตาม ฟ้อง แต่หลงลืม ไป จึง จด คำให้การ จำเลย ไม่ ชัดแจ้ง ศาล สูง มี อำนาจ สั่ง ให้ศาลชั้นต้น ดำเนิน กระบวน พิจารณา ใหม่ ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ศาลฎีกา เห็นว่า โจทก์ได้ ลงชื่อ ไว้ ใน รายงาน กระบวน พิจารณา หาก โจทก์ เห็น ว่า คำให้การของ จำเลย ที่ ศาล จด ไว้ ไม่ ชัดแจ้ง โจทก์ ก็ ชอบ ที่ จะ คัดค้านหรือ แถลง ขอ สืบ พยาน ต่อไป เพราะ เป็น หน้าที่ ของ โจทก์ ที่ จะ ต้องสืบพยาน ให้ ได้ ความ ถึง การ กระทำ ผิด ของ จำเลย คดี จึง ไม่ มี เหตุที่ จะ ย้อน สำนวน ไป ให้ ศาลชั้นต้น ดำเนินการ พิจารณา สอบถาม คำให้การของ จำเลย ใหม่
พิพากษา ยืน.

Share