แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พวกจำเลยคนหนึ่งได้ชักวัตถุมีด้ามจากพุง ทำกริยาชักเข้าชักออก ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีดมีความกลัว แล้วพวกของจำเลยได้กระชากปากกาจากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมิได้ขัดขวางอย่างใด ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เพื่อจะเอาทรัพย์หรือให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์ให้และพวกของจำเลยได้ดึงปากกาที่กระเป๋าของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยกับพลเรือนอีกคนหนึ่งเข้าไปขอเหล้าจากนายเดี๊ยกเม้ง ผู้เสียหาย ๆ บอกว่าไม่ได้ขายเหล้า ชายคนนั้นบอกให้ส่งเงิน พวกของจำเลยคนหนึ่งทำท่าชักวัตถุมีด้ามเหน็บอยู่ที่เอว ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีด แล้วชายคนนั้นเข้ามากระชากปากกาหมึกซึมจากกระเป๋าเสื้อผู้เสียหายไป ผู้เสียหายถือเงิน ๑๕ บาทไปของไถ่ปากกา แต่ชายคนนั้นกลับแย่งเอาเงินไป ทั้งปากกาก็ไม่คืนให้ โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันปล้นปากกาหมึกซึมและเงินของนายเคี๊ยกเม้ง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีความผิดฐานสมคบกันลักทรัพย์ โดยกิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์พาหนีไปต่อหน้าตามมาตรา ๒๙๗,๖๓, จำคุกคนละ ๒ ปี แต่ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๙๓ นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยนี้คนหนึ่งได้ชักวัตถุมีด้ามจากพุงทำกิริยาชักเข้าชักออก ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีด มีความกลัวแล้วพวกของจำเลยได้กระชากปากกาจากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมิได้ขัดขวางอย่างใด ดังนี้ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้าย เพื่อจะเอาทรัพย์หรือให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์ให้ และพวกของจำเลยได้ดึงปากกาของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่ได้ขอมาในฟ้องก็ดี
พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๙๙ ให้จำคุกคนละ ๔ ปี นอกจากนี้ยืน