คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า จำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนให้งดไต่สวยและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลย ทั้งคำร้องดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 268 จำเลยคงอุทธรณ์แต่เพียงว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน และคำร้องของจำเลยก็ได้ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดี ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลแล้ว โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่า จำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะใช้ศาลเลื่อนการไต่สวนไป เพื่อจำเลยจะได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า การขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเป็นอันยุติไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และได้บรรยายไว้ในคำร้องดังกล่าว แล้วว่าจำเลยจะมีทางชนะคดีได้อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว คำขอให้พิจารณาใหม่จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันผู้ต้องหาที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประกันพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย กระทำโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์จำเลยไม่ทราบประกาศดังกล่าว จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาดังที่โจทก์กล่าวในคำฟ้อง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๙ ถ้าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยก็มีสิทธิแต่งตั้งทนายความเพื่อต่อสู้คดี ถ้าพิจารณาใหม่แล้วจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนคำร้องของจำเลย ถึงวันนัดไต่สวน นัดแรกจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างเหตุว่าทนายจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปไต่สวยในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๒๕ ครั้งถึงวัดนัดหมายโจทก์มาศาลฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้ว ไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวน ให้งดไต่สวน และกรณียังฟังไม่ได้ตามาคำร้องของจำเลย ประกอบกับคำร้องขอ (คำขอ) จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๘ จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน ๑๕ วัน ตามที่กฎหมายกำหนดต่อศาล และได้บรรยายไว้ในคำร้องดังกล่าวแล้วว่า จำเลยจะมีทางชนะคดีได้อย่างใด ถือได้ว่า จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว คำขอให้พิจารณาใหม่จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว พิเคราะห์เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า จำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบจึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวน ให้งดไต่สวนและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลยประการหนึ่ง ทั้งคำร้องดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ อีกประการหนึ่ง จำเลยอุทธรณ์แต่เพียงว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน ๑๕ วัน และคำร้องของจำเลยก็ได้ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดีถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลแล้ว โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่า จำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะใช้ศาลเลื่อนการไต่สวนไป เพื่อจำเลยจะได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า การขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควร ดังนั้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเป็นอันยุติไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว ด้วยเหตุนี้แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share