คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกได้เคยอาศัยผ่านที่อีกแปลง 1 สู่ทางสาธารณะ แต่เขาปิดทางเสียคนอยู่ในที่ล้อมมาฟ้องขอให้เปิดทางเมื่อเจ้าของอีกแปลง 1 โอนที่ดินให้คนอื่นแล้วดังนี้ ถือว่าฟ้องเจ้าของเดิมไม่ได้ ได้แต่ฟ้องคนรับโอน

ย่อยาว

ได้ความว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อม โจทก์ได้อาศัยที่ดินของนางปุ้ยเป็นทางนำสัตว์และยานพาหนะเดินเข้าออกมาสู่ทางสาธารณะในฤดูทำนาทุก ๆ ปีหลายสิบปีแล้ว ต่อมานางปุ้ยได้โอนกรรมสิทธิที่ดินให้นางสาวหนูจำเลย เมื่อนางสาวหนูรับโอนมาแล้ว โจทก์ก็ยังได้อาศัยใช้ทางนี้เข้าออกสู่ทางสาธารณะเสมอทุกปีมา ครั้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ นางสาวหนูปิดทางและห้ามมิให้โจทก์ใช้ทางเดินต่อไป และก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้นางสาวหนูจำเลยได้โอนที่พิพาทให้นายใช่จำเลยแล้ว นางสาวหนูจำเลยให้การตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะขณะที่โจทก์ฟ้องที่ดินรายนี้ไม่ใช่ของนางสาวหนูจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทาง ส่วนนางสาวหนูเป็นผู้ปิดทางเดินก่อนโอนให้นายไข่จำเลย นางสาวหนูจึงต้องรับผิดชอบด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ฟังว่าที่ของโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกและได้เคยอาศัยเดินในที่ของจำเลยมา แต่นางสาวหนูได้โอนที่ดินรายนี้ให้นายไข่ก่อนโจทก์ฟ้อง นางสาวหนูจึงไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องเปิดทางให้โจทก์ผ่านต่อไป ส่วนนายไข่จำเลยนั้น และไม่ตัดสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนจากโจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๔๙, วรรค ๔
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลบังคับนางสาวหนูด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทาง ศาลก็พิพากษาให้นายใช่ปฏิบัติตามคำขอแล้ว จะให้ศาลบังคับนางสาวหนูผู้ซึ่งไม่ใช่เจ้าของให้เข้าไปจัดการในที่ดินของผู้อื่นไม่ได้ และศาลอุทธรณ์แปลความใน มง๑๓๔๙ วรรค ไม่คลาดเคลื่อน จึงพิพากษายืน

Share