แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยผู้รับฝากชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายจำนวน383,700บาทเท่านั้นเมื่อปรากฎว่าขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ได้รับรถยนต์ตามฟ้องกลับคืนมาแล้วดังนั้นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ทีว่ารถยนต์ของโจทก์ที่ฝากไว้แก่จำเลยทั้งสองสูญหายย่อมหมดไปคดีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไปแต่หากจะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ก็จะเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ได้รับรถยนต์กลับคืนแล้วและไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไปศาลฎีกาพิพากษาศาลล่างทั้งสองและให้จำหน่ายคดีเสีย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์พร้อมอุปกรณ์ราคา383,700 บาท จำเลยทั้งสองประกอบกิจการรับฝากรถยนต์โดยมีบำเหน็จจำเลยทั้งสองรับฝากรถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์ไว้ ปรากฎว่ารถยนต์ของโจทก์หายไป ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 383,700 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่มีอาชีพรับฝากรถยนต์แต่โจทก์เช่าสถานที่ของจำเลยเพื่อจอดรถยนต์ของโจทก์ ราคารถสูงไม่เกิน 150,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 378,700บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 27,000 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองรับฝากรถยนต์พร้อมอุปกรณ์ราคา 383,700 บาท ของโจทก์ไว้โดยมีบำเหน็จแล้วทำให้รถยนต์ที่รับฝากไว้สูญหาย ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 383,700 บาท ดังนี้ แม้ว่าตามฟ้องโจทก์จะมิได้บรรยายว่าค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวเป็นการเรียกให้ใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายไปก็ตาม แต่ตามคำฟ้องของโจทก์นอกจากจะบรรยายว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากรถยนต์สูญหายแล้ว โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหายอื่นใดนอกนี้อีกจึงต้องถือว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยผู้รับฝากชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายจำนวน 383,700 บาท เท่านั้นเมื่อปรากฎว่าขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงว่ารถยนต์คันที่สูญหายไปนั้น โจทก์ได้รับกลับคืนมาจากเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว ซึ่งความข้อนี้ เมื่อโจทก์ได้รับสำเนาคำแถลงของจำเลยทั้งสองฉบับดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็มิได้คัดค้านว่ายังมิได้รับรถยนต์คืน แต่กลับโต้เถียงว่าการที่โจทก์ได้รับรถยนต์คืนไม่เป็นเหตุที่ศาลจะยกฟ้อง จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ยอมรับข้อเท็จจริงว่าขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ได้รับรถยนต์ตามฟ้องกลับคืนมาแล้ว ดังนั้น ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่ารถยนต์ของโจทก์ที่ฝากไว้แก่จำเลยทั้งสองสูญหายไปย่อมหมดไป คดีของโจทก์จึงไม่เป็นประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป แต่หากจะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ก็เป็นการไม่ชอบเพราะรถยนต์ของโจทก์ได้รับกลับคืนมาแล้ว จึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องด้วย เมื่อวินิจฉัย ดังนี้แล้ว คดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นตามฎีกาข้ออื่นของจำเลยทั้งสองอีกแต่อย่างใด
พิพากษายก คำพิพากษา ศาลล่าง ทั้ง สอง ให้ จำหน่ายคดี นี้ออก เสีย จาก สารบบความ