แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับฝากรถยนต์พร้อมอุปกรณ์ราคา383,700บาทของโจทก์ไว้โดยมีบำเหน็จแล้วทำให้รถยนต์ที่รับฝากไว้สูญหายขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน383,700บาทถือว่าโจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยผู้รับฝากชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายจำนวน383,700บาทเท่านั้นเมื่อปรากฏว่าขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ได้รับรถยนต์คันดังกล่าวคืนมาแล้วข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่ารถยนต์ของโจทก์ที่ฝากไว้แก่จำเลยสูญหายไปย่อมหมดไปคดีของโจทก์จึงไม่เป็นประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไปแต่หากจะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาของศาลล่างที่พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ก็เป็นการไม่ชอบเพราะรถยนต์ของโจทก์ได้รับกลับคืนมาแล้วศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองและให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน บ-9409 ระยอง พร้อมอุปกรณ์ ราคา383,700 บาท จำเลยทั้งสองประกอบกิจการรับฝากรถยนต์โดยมีบำเหน็จประมาณเดือนมีนาคม 2533 จำเลยทั้งสองรับฝากรถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์ไว้ในอัตราเดือนละ 1,200 บาท วันที่ 16 สิงหาคม 2533เวลาประมาณ 19 นาฬิกา โจทก์นำรถยนต์ไปไว้ ณ ที่รับฝากรถยนต์ของจำเลยทั้งสอง ปรากฏว่ารถยนต์ของโจทก์หายไป จึงขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 383,700 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชดใช้ค่าเสียหายเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองประกอบอาชีพค้าขายแอร์วิทยุเทปติดรถยนต์ไม่มีอาชีพรับฝากรถยนต์ โจทก์ติดต่อขอเช่าสถานที่ในโรงงานเพื่อจอดรถยนต์ของโจทก์ จำเลยทั้งสองตกลงให้โจทก์เช่าสถานที่เดือนละ 200 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 378,700 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้นจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 27,000 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำศาลชั้นต้นพิพากษา โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองรับฝากรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บ-9409 ระยอง พร้อมอุปกรณ์ราคา383,700 บาท ของโจทก์ไว้โดยมีบำเหน็จแล้วทำให้รถยนต์ที่รับฝากไว้สูญหาย ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน383,700 บาท ดังนี้ แม้ว่าตามฟ้องโจทก์จะมิได้บรรยายว่าค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวเป็นการเรียกให้ใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายไปก็ตาม แต่ตามคำฟ้องของโจทก์นอกจากจะบรรยายว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากรถยนต์สูญหายแล้ว โจทก์ก็มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหายอื่นใดนอกนี้อีก จึงต้องถือว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยผู้รับฝากชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายจำนวน383,700 บาท เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงลงวันที่26 พฤษภาคม 2535 ว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บ-9409 ระยองคันที่สูญหายไปนั้นโจทก์ได้รับกลับคืนมาจากเจ้าพนักงานตำรวจแล้วซึ่งความข้อนี้เมื่อโจทก์ได้รับสำเนาคำแถลงของจำเลยทั้งสองฉบับดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็มิได้คัดค้านว่ายังมิได้รับรถยนต์คืนแต่กลับโต้เถียงว่าการที่โจทก์ได้รับรถยนต์คืนไม่เป็นเหตุที่ศาลจะยกฟ้อง จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ยอมรับข้อเท็จจริงว่าขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ได้รับรถยนต์ตามฟ้องกลับคืนมาแล้วดังนั้น ข้อเท็จจริงที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่ารถยนต์ของโจทก์ที่ฝากไว้แก่จำเลยทั้งสองสูญหายไปย่อมหมดไปคดีของโจทก์จึงไม่เป็นประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป แต่หากจะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ก็เป็นการไม่ชอบเพราะรถยนต์ของโจทก์ได้รับกลับคืนมาแล้ว จึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ