คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6732/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุคดีนี้เกิดขึ้นที่ตำบลนากลาง อำเภอสูงเนิน ซึ่งอยู่ในเขตการสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรอำเภอสูงเนินซึ่งมีพันตำรวจโท ข. เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 18 ส่วนที่มีพันตำรวจโท ว. เข้ามาเป็นพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ด้วยก็เป็นเรื่องที่พลตำรวจตรี ถ. ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา แต่งตั้งเป็นพิเศษเกี่ยวกับการสอบสวนพยานหลักฐานในคดีนี้โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ. 2523 ข้อ 2.3 ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาที่ 310/2542 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสอบสวนคดีอาญา ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 พันตำรวจโท ว. จึงมีอำนาจหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวน และมีอำนาจในการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ป.อ. มาตรา 80, 83, 91, 289, 371, 32, 33 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4), 371, 80, 83 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 55, 72 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก 72 วรรคสาม), 72 ทวิ วรรคสอง, 78 (ที่ถูก 78 วรรคหนึ่ง, วรรคสาม) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสองทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืน จำคุก 2 ปี ฐานมีอาวุธปืนสั้นมีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ลงโทษฐานพาอาวุธปืนยาวไม่มีทะเบียน จำคุก 4 เดือน แต่เมื่อศาลได้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานแรกให้จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษในความผิดฐานอื่นมารวมได้ คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิตสถานเดียว (ที่ถูกเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต) ริบหัวกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง วรรคสาม ป.อ. มาตรา 289 (4), 80 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 กระทงหนึ่ง และจำเลยทั้งสองยังคงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนยาวไม่มีทะเบียนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีกกระทงหนึ่ง เมื่อรวมโทษทั้ง 2 กระทงดังกล่าวแล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานมีอาวุธปืนสั้นและพาติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งว่า การสอบสวนดำเนินคดีนี้เป็นไปโดยไม่ถูกต้องเพราะพันตำรวจโทวิวัฒน์ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสีคิ้วไม่มีอำนาจสอบสวนนั้น เห็นว่า เหตุคดีนี้เกิดขึ้นที่ตำบลนากลาง อำเภอสูงเนินซึ่งมีพันตำรวจโทขวัญเมืองเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 18 ส่วนที่มีพันตำรวจโทวิวัฒน์เข้ามาเป็นพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ด้วยก็เป็นเรื่องที่พลตำรวจตรีเถลิงศักดิ์ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา แต่งตั้งเป็นพิเศษเกี่ยวกับการสอบสวนพยานหลักฐานในคดีนี้โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ. 2523 ข้อ 2.3 ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาที่ 310/2542 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสอบสวนคดีอาญา ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 ที่แนบท้ายคำแก้ฎีกา ดังนั้น พันตำรวจโทวิวัฒน์จึงมีอำนาจหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวน และมีอำนาจในการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีนี้ได้ทั้งสิ้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share