คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6731/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาโดยที่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์เพื่อให้มีโอกาสคัดค้านคำร้องก่อน จึงเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้องเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ไม่เป็นข้อยกเว้นให้ไม่ต้องสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายคล้ายผู้ตาย ซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2536 เมื่อประมวลสี่สิบกว่าปีมาแล้ว นายคล้อยได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 200/2499 ตำบลท้ายสำเภา อำเภอเมือง (ปัจจุบันอำเภอพระพรหม) จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ 14 ไร่ กับโจทก์ในราคา 8,000 บาท กำหนดโอนทางทะเบียนให้แก่โจทก์ภายใน 2 เดือน หลังทำสัญญาโจทก์ได้ชำระราคาให้นายคล้อยครบถ้วนแล้วและนายคล้อยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่โจทก์แล้วเช่นกันโจทก์ได้ทวงถามให้นายคล้อยดำเนินการโอนทางทะเบียนให้แก่โจทก์แต่นายคล้อยได้ถึงแก่ความตายไปก่อน โจทก์จึงได้ทวงถามไปยังจำเลยทั้งสี่ในฐานะทายาทของนายคล้อย แต่จำเลยทั้งสี่เพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่โอนชื่อทางทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 200/2499 ตำบลท้ายสำเภา อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสี่เพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงของจำเลยทั้งสี่
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า ตามคำขอของโจทก์ถือเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะรับไว้พิจารณาจึงไม่รับฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ บัญญัติหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยให้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลชั้นต้นพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นได้สั่งรับอุทธรณ์และส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และคำร้องแก่จำเลยอุทธรณ์แล้ว หากไม่มีคู่ความอื่นยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์และจำเลยอุทธรณ์มิได้คัดค้านคำร้องดังกล่าวภายในกำหนดเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ ก็ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องนั้นว่าจะอนุญาตหรือไม่ คำสั่งศาลชั้นต้นให้เป็นที่สุด คดีนี้ โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาโดยที่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องอนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์เพื่อให้มีโอกาสคัดค้านคำร้องก่อน จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้องเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นหาเป็นข้อยกเว้นให้ไม่ต้องสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์แต่อย่างใดไม่คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ส่งอุทธรณ์ของโจทก์ต่อศาลฎีกาจึงไม่ชอบ”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ส่งอุทธรณ์ของโจทก์ต่อศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ แล้วมีคำสั่งใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share