แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายเป็นคนอันธพาลและก่อเรื่องขึ้นก่อนผู้ตายหยิบขวานจะลุกขึ้นทำร้ายจำเลยที่ 1 จึงแย่งขวานได้แล้วฟันผู้ตาย 1 ทีและเรียกให้คนช่วยจำเลยอื่นๆได้เข้ามาช่วยทำร้ายผู้ตายถึงตายเช่นนี้การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตน ส่วนจำเลยนอกนั้นทำไปเพื่อป้องกันชีวิตจำเลยที่ 1 แต่จำเลยทำร้ายซ้ำๆจนผู้ตายถึงตายจึงเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อกลางคืนวันที่ 16-17 ตุลาคม 2495 จำเลยทั้งสี่สมคบกันใช้อาวุธทำร้ายนายเล็ก ถมเขียวถึงตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสี่ปฏิเสธต่อสู้อ้างฐานที่อยู่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา249, 63 จำคุกคนละ 15 ปี
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์แตกต่างกันในข้อสำคัญพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายนายเล็กจริง แต่กรณีเกิดเหตุจากนายเล็กผู้ตายเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นก่อน นายเล็กหยิบขวานขยับจะลุกขึ้น จำเลยที่ 1 จึงเข้าแย่งขวานได้และฟันถูกหน้าผากนายเล็ก 1 ที และในขณะนั้นจำเลยที่ 1 ได้เรียกให้คนช่วยจำเลยที่ 2-3-4 จึงได้ขึ้นมาช่วยจำเลยที่ 1 ทำร้ายนายเล็กจนตายการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตน และจำเลยที่ 2-3-4 ได้กระทำไปเพื่อป้องกันชีวิตนายดีต่อเนื่องในวาระเดียวกัน เพราะนายเล็กเป็นคนอันธพาล แต่การที่จำเลยทั้ง 4 ได้ทำร้ายซ้ำ ๆ กันจนนายเล็กถึงตายนั้น ฟังว่าเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับว่าจำเลยผิดกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 50, 53 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ฯลฯ