คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผูเสียหายได้มอบไบธนานัติไห้จำเลยไปรับเงินจากที่ทำการไปรสนีย์แล้วไห้นำเงินที่รับได้ ส่งผู้เสียหายโดยธนานัตินั้นได้ส่งมาชำระค่าชายข้าวของผู้เสียหาย แต่ส่งถึงชื่อจำเลย เมื่อจำเลยรับเงินแล้วไม่นำส่งผู้เสียหายดังนี้ ถือว่าจำเลยได้รับมอบหมายไห้เปนผู้ดูแลรักสาทรัพย์หรือจัดการหย่างหนึ่งหย่างไดแก่ทรัพย์นั้น

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบหมายจากนางเติมไห้เปนผู้ติดต่อขอตู้รถไฟส่งข้าวของผู้เสียหายไปจำหน่ายไห้แก่บริสัทข้าวไทยจำกัด ตลอดจนรับเงินค่าขายข้าวจากบริสัทข้าวไทยจำกัด เพื่อนำมามอบไห้แก่ผู้เสียหาย เมื่อจำเลยรับเงินจากบริษัทข้าวไทยจำนวน ๖๕๔ บาท ๙๑ สตางค์ ซค่งส่งมาชำระค่าข้าวของนางเติบ จำเลยยักยอกเอาเงินจำนวนนั้นเปนประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอไห้ลงโทส
ได้ความว่า นางเติบจะส่งข้าวไปข่ยไห้บริสัทข้าวไทยที่กรุงเทพ ฯ ได้จ้างจำเลยไปติดต่อขอตู้รถไฟ จำเลยขอได้หนึ่งตู้ นางเติบไห้ค่าจ้าง ๒๐ บาท นายชัยบุตรนางเติบได้จัดการขนข้าวเปลือกจากฉางของนางเติบบันทุกรถไฟ เพื่อส่งไปขายบริสัทข้าวไทย แต่ทำไบรับส่งของไนนามของจำเลยเพื่อไห้ตรงกับผู้ขอตู้ มิฉะนั้นเจ้าพนักงานไม่ยอมไห้ส่งเมื่อส่งข้าวแล้วนายชัยได้โทรเลขบอกบริสัทข้าวไทยไห้ส่งเงินไห้ผู้เสียหาย ต่อมาบริสัทข้าวไทย ส่งธนานัติจำนวนเงิน ๖๕๔ บาท ๙๑ สตางค์ ถึงนายวุทิสิน (ชื่อจำเลย) ฉางข้าวเดิมพานิช นางเติบได้นำธนานัติไปรับเงินที่ที่ทำการไปรสนีย์ เจ้าพนักงานไม่จ่าย นางเติบจึงมอบไปธนานัติไห้จำเลยไปรับแทน และสั่งว่าไห้เอาเงินมาไห้นางเติบหรือนายชัยท จำเลยรับเงินแล้ว ไม่เอามาไห้นางเติบ
สาลชั้นต้นสืบพยานโจทไม่ได้มอบหมายไห้จำเลยส่งข้าวและรับเงินจากบริสัดข้าวไทย พิพากสายกฟ้องโจท
สาลอุธรน์เห็นว่า เงินที่จำเลยไปรับมานั้น ระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายเปนเงินค่าข้าวของผู้เสียหาย หาไช่ของจำเลยไม่ ผู้เสียหายได้มอบหมายไห้จำเลยไปรับเงินตามไบธนานัติแล้วนำมามอบไห้แก่ผู้เสียหายหรือบุตรชองผุ้เสียหายจึงพิพากสาคำพิพากสาสาลชั้นต้น ไห้ดำเนินการพิจารนาต่อไปและพิพากสาไหม่
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า คตวามผิดถานยักยอกตามมาตรา ๓๑๔ นั้น จิงหยู่จะถือเอาว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องนำเงินมอบแล้วไม่มอบเงินเท่านั้นเปนความผิดยังไม่ได้ องอค์ประกอบความผิดไนกรนีเช่นนี้ จะต้องปรากตการมอบหมายไห้เปนผู้ดูแลรักสาทรัพย์หรือจัดการหย่างไดหย่างหนึ่งแก่ทรัพย์นั้นด้วยแต่การมอบหมายไห้เปนผู้ดูแลรักสาทรัพย์หรือจัดการหย่างหนึ่งหย่างไดแก่ทรัพย์นั้น อาดมิได้ทั้งโดยตรงและโดยปริยาย สำหรับคดีนี้ ถ้าข้อเท็ดจิงเปนที่ยุติว่า เงินค่าข้าวที่บริสัทขาวไทยส่งมาชำระนั้นเปนที่เข้าไจกันโดยชัดเจนระหว่างจำเลยกับนางเติบว่าเปนของนางเติบแล้ว การที่จำเลยได้มีโอกาสได้รับมอบเงินนั้นโดยความรู้เห็นยินยอมของนางเติบเพื่อไห้นำส่งนางเติบหรือนายชัย ก็เปนการได้รับมอบหมายไห้เปนผู้ดูแลรักสาทรัพย์หรือจัดการหย่างหนึ่งหย่างไดแก่ทรัพย์นั้นตามมาตรา ๓๑๔ แห่งกดหมายลักสนะอาฐาแล้ว กรนีเช่นเดียวกันกับผู้ขายของไนร้านแม่ผู้ซื้อจะส่งเงินราคาของไห้โดยนึกว่าเปนตัวเจ้าของร้านเองก็ดี ผู้ขายนั้นก็ได้ชื่อว่าเปนผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าของร้านไห้ดูแลรักสาและจัดการนำส่งเงินนั้นแก่เจ้าของร้าน จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share