แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้ามฤดกตายในระหว่างที่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทยังเป็นผู้เยาว์อยู่ อายุความในการฟ้องคดีมฤดกนั้นยังไม่สิ้นสุดลงจนกว่าผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะครบ 1 ปีแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกจากจำเลยในฐานะเป็นบุตร์เจ้ามฤดก จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินที่โจทก์ขอแบ่ง จำเลยปกครองมาแต่ผู้เดียวเป็นเวลา ๑๗ ปีแล้ว โดยโจทก์มิได้ปกครองร่วมด้วย จำเลยไม่เคยเลี้ยงดูโจทก์ในขณะที่โจทก์เป็นผู้เยาว์ กับตัดฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้ครอบครองทรัพย์มฤดกรายนี้ร่วมมาด้วย แม้โจทก์จะเป็นเด็กไม่บรรลุนิติภาวะก็ดี ก็จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้ยืดเวลาไปอีกไม่ได้ คดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้แบ่งมฤดกให้โจทก์ครึ่งหนึ่งตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยต่างเป็นบุตร์ผู้ตายคนละมารดา โจทก์เคยอยู่ในความปกครองของจำเลยหลังจากเจ้ามฤดกตายแล้วหลายปี ภายหลังโจทก์ไปอยู่กับนายเพ็ชร์พี่ชายร่วมมารดา โจทก์เกิดปีเถาะอายุ ๑๙ ปี เพิ่งทำการสมรสเมื่อก่อนฟ้อง ๗ เดือน ไม่ปรากฎว่าโจทก์เคยมีผู้ปกครองตามความในมาตรา ๑๕๕๕ และ ๑๕๕๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะโดยทำการสมรสเมื่อก่อนฟ้องเพียง ๗ เดือน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความมาตรา ๑๘๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มฤดกของผู้ตายจึงยอมตกได้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่งเท่าๆ กัน พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์