แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีภริยาที่ยังอยู่กินด้วยกัน จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์สินที่บริคณห์ปนกันอยู่นั้นมิได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้
ภรรยาอ้างว่า ทรัพย์เป็นสินสมรส ฝ่ายสามีว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่น จะฟ้องสามีขอให้ศาลแสดงว่าเป็นสินสมรสไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขออย่าขาดจากจำเลย และขอให้ศาลแสดงว่าห้องแถวเป็นสินสมรสและขอแบ่ง จำเลยต่อสู้ว่า ห้องแถวเป็นของบุตร์จำเลย ไม่ใช่สินสมรส
ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า ยังคงติดใจเป็นสามีภริยากันต่อไป ขอให้ศาลชี้ขาดฉะเพาะข้อที่ว่า ห้องแถวเป็นสินสมรส เมื่อสืบพะยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์แถลงว่าไม่ต้องการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยร่วม ฝ่ายจำเลยคงยืนยันว่าทรัพย์เป็นของบุตร์จำเลย ๆ ไม่เกี่ยวข้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย เพราะจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์รายพิพาท ตาม ป.ม.วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีใหม่
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า โดยปรกติเมื่อหญิงขายยังสมัครเป็นสามีภรรยากันอยู่ จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์ที่บริคณห์กันอยู่ไม่ได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ เช่นที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา ๑๔๖๗,๑๔๗๒ และมาตรา ๑๔๗๘ แต่ในเรื่องนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์