คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6722/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ค่าแชร์ ขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าแชร์ จำเลยให้การว่าไม่เคยเป็นนายวงแชร์และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องและคำให้การจึงมีเพียงว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์และเป็นหนี้ค่าแชร์โจทก์หรือไม่ แม้โจทก์จำเลยจะนำสืบว่า เกี่ยวกับหนี้ค่าแชร์นี้จำเลยได้นำ พ. มาทำสัญญากู้เงินให้ไว้แก่โจทก์ก็ตามก็เป็นการนำสืบนอกคำฟ้องและคำให้การ คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องวินิจฉัยว่าหนี้ค่าแชร์ระหว่างโจทก์จำเลยระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่แล้วหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงิน 49,662 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 49,662 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องวินิจฉัยว่าหนี้ค่าแชร์ระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่แล้วหรือไม่เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นนายวงแชร์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ค่าแชร์ ขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าแชร์ จำเลยให้การว่า ไม่เคยเป็นนายวงแชร์และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ ประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องและคำให้การจึงมีเพียงว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์และเป็นหนี้ค่าแชร์โจทก์หรือไม่ แม้โจทก์จำเลยจะนำสืบว่า เกี่ยวกับหนี้ค่าแชร์นี้จำเลยได้นำนางเพชรา ยิ้มแก้ว มาทำหนังสือสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.4 ให้ไว้แก่โจทก์ก็ตาม ก็เป็นการนำสืบนอกคำฟ้องและคำให้การ คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องวินิจฉัยว่าหนี้ค่าแชร์ระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่แล้วหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 แล้ว
พิพากษายืน

Share