คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสี่ทำหนังสือเสนอขายที่ดินให้โจทก์ โดยระบุในสัญญาว่าภายใน 180 วัน นับแต่วันทำสัญญา จำเลยทั้งสี่ขอยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงราคาที่เสนอขาย และไม่เสนอขายหรือโอนขายให้แก่บุคคลอื่นโดยเด็ดขาด หนังสือดังกล่าวเป็นคำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองซึ่งไม่อาจถอนได้ภายในระยะเวลาที่บ่งไว้ เมื่อโจทก์มีหนังสือนัดโอนที่ดินพิพาทภายในกำหนดตามคำเสนอขายจึงเป็นคำสนองซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย สัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว การที่จำเลยไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดนัด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่ทำหนังสือเสนอขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ โดยระบุในสัญญาว่าภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันทำสัญญาจำเลยทั้งสี่ขอยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงราคาที่เสนอขาย และไม่เสนอขายหรือโอนขายให้แก่บุคคลอื่นโดยเด็ดขาด ต่อมาโจทก์ได้มีหนังสือตอบรับขอซื้อที่ดินพิพาทพร้อมทั้งแจ้งขอนัดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทณ สำนักงานที่ดิน จำเลยทั้งสี่ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว จึงถือว่าสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทได้เกิดขึ้นแล้ว ครั้นถึงกำหนดวันนัดจำเลยทั้งสี่ไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่รับเงินค่าที่ดินจากโจทก์และให้จำเลยทั้งสี่ทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า มีนายหน้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินจำเลยทั้งสี่ และให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ลงชื่อในแบบพิมพ์ซึ่งยังไม่ได้กรอกข้อความ โจทก์กับพวกกรอกข้อความขึ้นภายหลัง จึงเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 มิได้ลงชื่อในหนังสือเสนอขายที่ดิน คำเสนอขายที่ดินไม่มีข้อกำหนดว่าภายในกำหนด 180 วัน จำเลยทั้งสี่ไม่อาจเพิกถอนข้อเสนอได้ จำเลยทั้งสี่จึงอาจยกเลิกข้อเสนอได้โดยพลันซึ่งต่อมาจำเลยทั้งสี่ได้มีหนังสือถึงโจทก์ยกเลิกข้อเสนอขายที่ดินดังกล่าวแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับเงินจำนวน205,500 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับเงินจำนวน 378,750 บาท และจำเลยที่ 3 รับเงินจำนวน 129,430 บาท จากโจทก์ และให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 730, 1555 และ755 (เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 3) ให้แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้สำนวนละ 2,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยที่ 4 โดยกำหนดค่าทนายความให้3,000 บาท
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ทำหนังสือเสนอขายที่ดินพิพาท ตามเอกสารหมาย จ.14 ถึง จ.16 ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือเสนอขายโดยภายใน 180 วัน นับแต่วันทำหนังสือเสนอขายที่ดินพิพาทจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงราคาที่เสนอขายและไม่เสนอขายหรือโอนขายให้แก่ผู้อื่น เนื่องจากเป็นคำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองซึ่งไม่อาจถอนได้ภายในระยะเวลาที่บ่งไว้การถอนคำเสนอของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามเอกสารหมาย จ.36 ถึงจ.38 เป็นการถอนภายในระยะเวลาที่บ่งไว้จึงไม่อาจกระทำได้ เมื่อโจทก์มีหนังสือนัดโอนที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.21 ถึง จ.23ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้ภายในกำหนดตามคำเสนอขาย จึงเป็นคำสนองซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 สัญญาได้เกิดขึ้นเมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว และการที่โจทก์มอบอำนาจให้นายเกษม แจ้งใจ ไปทำการรับโอนที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.27 ถึง จ.29 กับมอบเช็คให้ชำระราคาที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.30 ถึง จ.34 ซึ่งเช็คดังกล่าวมีเงินในธนาคารเรียกเก็บได้จึงเป็นการที่โจทก์ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กลับไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามนัด จึงเป็นการผิดนัดไม่ปฏิบัติตามสัญญา
พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share