แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ที่ดินโฉนดเลขที่ 2480 เป็นทางภารจำยอมของที่ดินแปลงอื่น ต่อมามีการแบ่งแยกปรากฏว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2480ที่เหลืออยู่หลังจากการแบ่งแยกที่ดินในส่วนที่ออกเป็นโฉนด เลขที่ 19056,19057 และ 19058 แล้ว มีลักษณะเป็น ถนนซอยกว้างประมาณ 6 เมตร ออกสู่ถนนเพชรเกษม ลักษณะของทางภารจำยอมเป็นซอยตัน ริมทางภารจำยอม มีตึกแถวและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีสภาพปลูกสร้างมานานหลายปี ปลูกเต็มพื้นที่ของที่ดินโฉนดเลขที่ 19056,19057 และ 19058 แสดงว่าที่ดินที่ถูกใช้เป็นทางภารจำยอมคือที่ดินโฉนดเลขที่ 2480ส่วนที่เหลืออยู่หลังจากการแบ่งแยกที่ดินออกไปแล้วส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 19056,19057 และ 19058 ไม่ได้ถูกใช้เป็นทางภารจำยอมมาเป็นเวลานานเพราะมีสิ่งปลูกสร้างเป็นตึกแถวเต็มพื้นที่ จึงเป็นกรณีที่ภารจำยอมนั้นไม่ใช้หรือใช้ไม่ได้ตามรูปการ หมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์แล้วโจทก์จึงมีสิทธิเรียกให้พ้นจากภารจำยอมได้
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสามฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 19056 โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 19057โจทก์ที่ 3 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 19058 และโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 2480, 11384 แขวงวัดท่าพระเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 11385, 11386 และเป็นเจ้าของรวมที่ดินโฉนดเลขที่ 11367 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 5820 และจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 11367 ที่ดินของโจทก์ทั้งสามตกเป็นภารจำยอมโดยการจดทะเบียนแก่ที่ดินของจำเลยทั้งสามในเรื่องทางเดิน แต่ปัจจุบันหมดความจำเป็นในเรื่องดังกล่าว จำเลยทั้งสามพร้อมทั้งบริวารมิได้ใช้ที่ดินของโจทก์ทั้งสามออกสู่ทางสาธารณะคือถนนเพชรเกษมเพราะที่ดินสามยทรัพย์ทั้งสี่แปลงอยู่ติดกับถนนเพชรเกษมแล้วโจทก์ทั้งสามแจ้งให้จำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมแต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมที่ดินโฉนดเลขที่ 19056, 19057, 19058,11384, 2480 แขวงวัดท่าพระ (เกาะท่าพระ) เขตบางกอกใหญ่กรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาคลองสานหากจำเลยทั้งสามไม่ไปขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยทั้งสามและบริวารยังใช้ทางภารจำยอมเข้าสู่ทางสาธารณะ คือถนนเพชรเกษมทางภารจำยอมมิได้หมดประโยชน์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 มิได้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์อีกต่อไป ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ทั้งสามขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 19056,19057, 19058 แขวงวัดท่าพระ (เกาะท่าพระ) เขตบางกอกใหญ่กรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาคลองสานหากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมดังกล่าวให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และที่ 2
โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 กับที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์มีสิทธิขอบังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2เจ้าของสามยทรัพย์จดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมในที่ดินโฉนดที่ 19056, 19057 และ 19058 ได้หรือไม่ ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 19056, 19057 และ 19058 ซึ่งแยกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 2480 นั้นไม่ตกเป็นภารยทรัพย์ด้วย แม้ว่าในรายการสารบัญจดทะเบียนของที่ดินทั้งสามแปลงระบุว่าภารจำยอมเรื่องทางเดินยังคงมีอยู่ตามบันทึกข้อตกลง ก็ไม่ทำให้ที่ดินทั้งแปลงติดภารจำยอมด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินทั้งสามแปลงตามโฉนดดังกล่าวแบ่งแยกจากที่ดินโฉนดที่ 2480 เจ้าพนักงานจดทะเบียนเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดที่ 11385, 11386 และ 5820คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันว่าภารจำยอมมีหรือไม่มี จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ หรือมีการสำคัญผิด จึงมีประเด็นข้อพิพาท เพียงว่าภารจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามแผนที่สังเขปที่ตั้งของที่ดินเอกสารหมาย จ.3 และรูปที่ดินของที่ดินโฉนดเลขที่ 2480 เอกสารหมาย จ.29 ปรากฏว่าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2480 ที่เหลืออยู่หลังจากการแบ่งแยกที่ดินในส่วนที่ออกเป็นโฉนดเลขที่ 19056, 19057 และ 19058 แล้ว มีลักษณะเป็นถนนซอยกว้างประมาณ 6 เมตร ออกสู่ถนนเพชรเกษม ตรงกับลักษณะของทางภารจำยอมตามบันทึกข้อตกลงเรื่องภารจำยอม เอกสารหมาย ล.5 และตามรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ 8 ตุลาคม 2539 ของศาลชั้นต้นกับภาพถ่ายหมาย จ.14 ถึง จ.17ปรากฏว่าทางภารจำยอมเป็นซอยตันชื่อซอยเพชรเกษม 12 เป็นถนนคอนกรีตกว้างประมาณ 6 เมตร ริมทางภารจำยอม ด้านทิศตะวันออกมีตึกแถวเลขที่ 158/29-158/30 ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 19058 และริมทางภารจำยอมด้านทิศเหนือมีตึกแถวเลขที่ 158/1-158/10 ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 19057 กับมีตึกแถวเลขที่ 158/11 ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 19056 สภาพของตึกแถวดังกล่าวเป็นสภาพที่ปลูกสร้างมานานหลายปีแล้วและปลูกสร้างเต็มพื้นที่ของที่ดินโฉนดเลขที่ 19056, 19057 และ 19058 แสดงให้เห็นได้ว่าที่ดินที่ถูกใช้เป็นทางภารจำยอมตามบันทึกข้อตกลงเรื่องภารจำยอมเอกสารหมาย ล.5 คือที่ดินโฉนดเลขที่ 2480 ส่วนที่เหลืออยู่หลังจากการแบ่งแยกที่ดินออกไปแล้ว ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 19056, 19057 และ 19058 ไม่ได้ถูกใช้เป็นทางภารจำยอมมาเป็นเวลานานเพราะมีสิ่งปลูกสร้างเป็นตึกแถวเต็มพื้นที่ จึงเป็นกรณีที่ภารจำยอมนั้นไม่ใช้หรือใช้ไม่ได้ตามรุกการหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์แล้วโจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิเรียกให้พ้นจากภารจำยอมได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยที่ 1และที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน