คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พยานโจทก์ทุกปากเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยพยานผู้ร่วมจับกุมต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันในเรื่องธนบัตรของกลางที่ให้สายลับใช้ ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยมีการภ่ายภาพและลงหมายเลขไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีซึ่งเป็นเอกสารทางราชการก่อนที่จะมอบให้สายลับไปดำเนินการเมื่อสายลับล่อซื้อเฮโรอีนมาได้พยานผู้ร่วมจับกุมได้ตรงไปยังบ้านจำเลยทันทีทำการตรวจค้นและพบธนบัตรดังกล่าวที่ตัวจำเลยขั้นตอนต่างๆเป็นไปในระยะเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกันจำเลยเบิกความว่าธนบัตรของกลางได้จากกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่สวมใส่อยู่ขณะถูกตรวจค้นจริงเป็นการเจือสมกับ พยานหลักฐานของโจทก์ประกอบกับจำเลยได้ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับจำเลยถูกจับกุมคำรับของจำเลยจึงมีน้ำหนักในการรับฟังประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ที่จำเลยอ้างว่าที่ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายมีแต่คำเบิกความลอยๆของจำเลยไม่มีน้ำหนักรับฟังได้น้ำหนักพยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถรับฟังหักล้างน้ำหนักพยานหลักฐานของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ได้ จำหน่าย เฮโรอีน ซึ่ง เป็น ยาเสพติดให้โทษใน ประเภท 1 จำนวน 2 หลอด ให้ แก่ ผู้มีชื่อ และ จำเลย มี เฮโรอีน จำนวน31 หลอด และ บรรจุ อยู่ ใน ขวด พลาสติก อีก 1 ขวด น้ำหนัก 1.87 กรัมไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต ตาม กฎหมาย ขอให้ ลงโทษตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102และ ริบ เฮโรอีน ของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย มี ความผิด ฐาน จำหน่ายเฮโรอีน ตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,15, 66 (ที่ ถูก 66 วรรคหนึ่ง ), 102 ให้ ลงโทษ จำคุก 5 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพ ทั้ง ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณามีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คง จำคุก 3 ปี 4 เดือน ของกลาง ริบ นอกจาก ที่ แก้ คง ให้เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกาของ จำเลย มี ว่า จำเลย ได้ กระทำผิด ฐาน จำหน่าย เฮโรอีน หรือไม่ โจทก์มี ร้อยตำรวจเอก กิจจา สว่างภักดิ์ นาย ดาบตำรวจ สุวิทย์ จุลพันธ์ และ สิบตำรวจโท วสันต์ เข้มแข็ง ผู้ร่วมจับกุม จำเลย ต่าง เบิกความ สอดคล้อง ต้อง กัน ว่า ก่อน ที่ จะ ให้ สาย ลับ นำ ธนบัตร ไป ล่อ ซื้อ เฮโรอีนจาก จำเลย ได้ มี การ ถ่าย สำเนา และ ลง หมายเลข ธนบัตร ไว้ ในรายงาน ประจำวัน เกี่ยวกับ คดี ตาม ภาพถ่าย ธนบัตร และ สำเนา รายงานประจำวัน เกี่ยวกับ คดี เอกสาร หมาย จ. 1 และ จ. 2 แล้ว จึง มอบ ธนบัตรฉบับ ละ 50 บาท จำนวน 2 ฉบับ ดังกล่าว ให้ สาย ลับ จาก นั้น มี การ วางแผนให้ สาย ลับ ไป ทำการ ล่อ ซื้อ โดย ร้อยตำรวจเอก กิจจา กับพวก ได้ ติดตาม ไป รอ อยู่ ที่ จุด นัดพบ ด้วย เมื่อ สาย ลับ ขับ รถจักรยานยนต์ ไป ที่ บ้านจำเลย นาน ประมาณ 15 ถึง 20 นาที ก็ ได้ กลับมา หา ร้อยตำรวจเอก กิจจา พร้อม กับ มอบ เฮโรอีน จำนวน 2 หลอด ที่ ได้ ซื้อ จาก จำเลย ใน ราคา หลอด ละ50 บาท ให้ ร้อยตำรวจเอก กิจจา จาก นั้น ร้อยตำรวจเอก กิจจา ได้ นำ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ไป ที่ บ้าน จำเลย พบ นาย โชติรัตน์ นอน อยู่ ที่ เปล ญวน ใต้ถุน บ้าน จำเลย และ พบ จำเลย ยืน อยู่ ที่ หลังบ้าน ตรวจค้นตัว นาย โชติรัตน์ พบ เฮโรอีน 1 หลอด ใน กระเป๋า เสื้อ ของ นาย โชติรัตน์ ซึ่ง ให้การ ว่า ซื้อ จาก จำเลย ตรวจค้น ตัว จำเลย พบ ธนบัตร ฉบับ ละ 50 บาทจำนวน 2 ฉบับ ที่ กระเป๋า กางเกง ด้านซ้าย ของ จำเลย ร้อยตำรวจเอก กิจจา จึง นำ เอา ธนบัตร ดังกล่าว มาตร วจสอบ เปรียบเทียบ กับ ภาพถ่าย ธนบัตรที่ มอบ ให้ สาย ลับ ไป ล่อ ซื้อ เฮโรอีน จาก จำเลย ต่อหน้า จำเลย ปรากฎ ว่ามี หลาย เลข ตรง กัน จำเลย รับ ว่า ได้รับ ธนบัตร ดังกล่าว มาจาก ชาย คนหนึ่งที่ เข้า ไป ซื้อ เฮโรอีน ก่อนหน้า ที่ ร้อยตำรวจเอก กิจจา กับพวก จะ เข้า ไป จับกุม ตัว จำเลย จำเลย ได้ ลงชื่อ รับรอง ไว้ ใน ภาพถ่าย ธนบัตรเอกสาร หมาย จ. 1 และ จำเลย ได้ ให้การรับสารภาพ ใน ข้อหา จำหน่าย เฮโรอีนใน ชั้น จับกุม ตาม บันทึก การ จับกุม เอกสาร หมาย จ. 4 ร้อยตำรวจเอก สุธี เข็มราช พนักงานสอบสวน เบิกความ ว่า ร้อยตำรวจเอก กิจจา สว่างภักดิ์ กับพวก ได้ จับกุม จำเลย พร้อม ของกลาง มี เฮโรอีน จำนวน 33 หลอด เฮโรอีนบรรจุ อยู่ ใน ขวด พลาสติก 1 ขวด และ ธนบัตร ฉบับ ละ 50 บาท จำนวน 2 ฉบับซึ่ง ใช้ ใน การ ล่อ ซื้อ พร้อม กับ สำเนา ภาพถ่าย ธนบัตร มา มอบ ให้ พยานโดย แจ้ง ข้อหา ว่า จำเลย มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย และจำหน่าย เฮโรอีน ชั้นสอบสวน จำเลย ให้การรับสารภาพ ตาม บันทึก คำให้การเอกสาร หมาย จ. 10 และ ได้ ชี้ ธนบัตร ของกลาง ว่า เป็น ธนบัตร ที่ ได้ มาจากการ จำหน่าย เฮโรอีน ตาม ภาพถ่าย หมาย จ. 12 และ รับ ว่า เป็น ธนบัตรฉบับ เดียว กัน กับ ที่ ค้น ได้ จาก ตัว จำเลย ตาม เอกสาร หมาย จ. 13 พยานโจทก์ทุก ปาก เป็น เจ้าพนักงาน ตำรวจ ซึ่ง เป็น เจ้าพนักงาน ของรัฐ ปฏิบัติการตาม หน้าที่ ไม่ปรากฏ ว่า เคย มี สาเหตุ โกรธเคือง กับ จำเลย มา ก่อนจึง ไม่มี เหตุ น่า ระแวง ว่า จะ เบิกความ ปรักปรำ จำเลย พยาน ผู้ร่วมจับกุมต่าง เบิกความ สอดคล้อง ต้อง กัน ใน เรื่อง ธนบัตร ของกลาง ที่ ให้ สาย ลับใช้ ล่อ ซื้อ เฮโรอีน จาก จำเลย มี การ ภ่ายภาพ และ ลง หมายเลข ไว้ ใน รายงานประจำวัน เกี่ยวกับ คดี ซึ่ง เป็น เอกสาร ทางราชการ ก่อน ที่ จะ มอบ ให้สาย ลับ ไป ดำเนินการ เมื่อ สาย ลับ ล่อ ซื้อ เฮโรอีน มา ได้ พยาน ผู้ ร่วมจับกุม ได้ ตรง ไป ยัง บ้าน จำเลย ทันที ทำการ ตรวจค้น และ พบ ธนบัตร ดังกล่าวที่ ตัว จำเลย ขั้นตอน ต่าง ๆ เป็น ไป ใน ระยะเวลา ใกล้ชิด ต่อเนื่อง กันจำเลย เบิกความ ว่า ธนบัตร ของกลาง ได้ จาก กระเป๋า กางเกง ของ จำเลยที่ สวม ใส่ อยู่ ใน ขณะ ถูก ตรวจค้น จริง เป็น การ เจือสม กับ พยานหลักฐานของ โจทก์ ประกอบ กับ จำเลย ได้ ให้การรับสารภาพ ทั้ง ใน ชั้น จับกุมและ ชั้นสอบสวน ซึ่ง เป็น ระยะเวลา ใกล้ชิด กับ ที่ จำเลย ถูกจับ กุม คำรับของ จำเลย จึง มี น้ำหนัก ใน การ รับฟัง ประกอบ พยานหลักฐาน ของ โจทก์ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ภาพถ่าย หมาย จ. 11 และ จ. 12 ที่ ร้อยตำรวจเอก สุธี อ้างว่า ถ่าย ใน ชั้นสอบสวน ปรากฏว่า จำเลย สวม เสื้อ คน ละ ตัว กัน นั้นใน ข้อ นี้ ไม่ปรากฏ ว่า จำเลย ได้ ถาม ค้านพยาน ปาก ร้อยตำรวจเอก สุธี ไว้ เพื่อ พยาน มี โอกาส ชี้แจง หรือ อธิบาย อย่างไร ก็ ตาม เมื่อ พิเคราะห์ภาพถ่าย หมาย จ. 11 เสื้อ ที่ จำเลย สวม ใส่ อยู่ เป็น เสื้อ แขน ยาว มี ลักษณะเป็น เสื้อ กัน หนา วไม่มี ปก ซึ่ง มองเห็น ได้ ชัดเจน ว่า สวม ทับ เสื้อ ข้าง ในสี ขาว ไว้ โดย สังเกต เห็น ตรง ช่วง ติดกับ คอ จำเลย มี ผ้า สี ขาว อยู่ชั้น ใน เสื้อ ตัว นอก หาก จำเลย ถอด เสื้อ กัน หนา วตัว นอก ออก ก็ จะ เป็นเสื้อ ตัว ใน สี ขาว ดัง ที่ ปรากฏ ใน ภาพถ่าย หมาย จ. 12 หา ได้ เป็น ข้อ พิรุธตาม ที่ จำเลย ฎีกา ไม่ ส่วน ข้อแตกต่าง ที่ พยาน เบิกความ เรื่อง การ เดินทางของ สาย ลับ ไป จุด นัดหมาย ตอนแรก นั้น ไม่ใช่ ข้อ สาระสำคัญ และ ที่ จำเลยอ้างว่า ที่ ให้การรับสารภาพ ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน เพราะ ถูกเจ้าพนักงาน ตำรวจ ทำร้าย มี แต่ คำเบิกความ ลอย ๆ ของ จำเลย ไม่มี น้ำหนักรับฟัง ได้ น้ำหนัก พยานหลักฐาน ของ จำเลย ไม่สามารถ รับฟัง หักล้างน้ำหนัก พยานหลักฐาน ของ โจทก์ ได้ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษา ว่าจำเลย มี ความผิด ฐาน จำหน่าย เฮโรอีน นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วยฎีกา ของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share