แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทในรูปแบบมีหลักฐานเป็นหนังสือ การวางมัดจำเป็นเพียงข้อตกลงข้อหนึ่งที่ปรากฏในหลักฐานที่เป็นหนังสือดังกล่าวเท่านั้นนิติกรรมคือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยจึงก่อซึ่งสิทธิและมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์และบังคับในรูปแบบของหลักฐานเป็นหนังสือหาใช่เพียงการวางเงินมัดจำไม่ ฉะนั้น การที่จำเลยฎีกาว่าขณะทำสัญญาโจทก์และจำเลยมีข้อตกลงกันว่าหากจำเลยไม่ประสงค์จะขายที่ดินให้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนวันโอนนั้น จึงเป็นกรณีที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบุคคลอันเป็นการเพิ่มเติมนอกเหนือจากหลักฐานที่เป็นหนังสือนั้นอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดิน 2 แปลง ให้แก่โจทก์ แต่จำเลยผิดสัญญาเพราะจะโอนที่ดินให้โจทก์เพียง 1 แปลง โจทก์จึงไม่ยอมรับโอน โจทก์ได้รับความเสียหายที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าทำนากุ้งในที่ดินดังกล่าว ขอคิดค่าเสียหาย300,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1654 และเลขที่ 984 ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้โจทก์ และชำระค่าเสียหาย 300,000 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นและรับเงินค่าที่ดิน 200,000 บาท จากโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยจะขายที่ดินให้โจทก์เพียง 1 แปลง ถึงวันกำหนดนัดโอนโจทก์ไม่ยอมซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว และไม่วางเงินที่ยังค้างชำระ 200,000 บาท จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและจะคืนเงินที่รับมาแล้วให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่เสียหายเพราะโจทก์เข้าครอบครองโดยการเช่าที่ดินดังกล่าวเลี้ยงกุ้งกุลาดำได้กำไรไม่น้อยกว่า 400,000 บาท ทุกสี่เดือน โดยไม่ชำระค่าเช่าให้จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1654 และเลขที่ 984 ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้โจทก์ และรับชำระเงินค่าที่ดิน 200,000 บาท จากโจทก์ในวันจดทะเบียนโอน หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า ขณะทำสัญญาจะซื้อขายจำเลยและโจทก์มีข้อตกลงกันว่า หากจำเลยไม่ประสงค์จะขายที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 984 ให้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนวันโอน ข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่ต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท โจทก์และจำเลยได้ตกลงและกระทำในรูปแบบคือหลักฐานเป็นหนังสือ การวางมัดจำเป็นเพียงข้อตกลงข้อหนึ่งที่ปรากฏในหลักฐานที่เป็นหนังสือดังกล่าวเท่านั้น นิติกรรมคือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยจึงก่อซึ่งสิทธิและมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์และบังคับในรูปแบบของหลักฐานเป็นหนังสือหาใช่เพียงการวางเงินมัดจำไม่ จึงเป็นกรณีที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบุคคลอันเป็นการเพิ่มเติมนอกเหนือจากหลักฐานที่เป็นหนังสือนั้นอีก ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่ยอมโอนที่ดินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ตามสัญญา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน