แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือแล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000 – 4,000 บาท ผู้เสียหายจะให้เพียง 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎฆมายอายา มาตรา 148 และ 337 ประกอบด้วยมาตรา 80
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นพลตำรวจสมัครประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด บังอาจประดับเครื่องหมายยศสิบตำรวจโทเพื่อให้บุคคลเชื่อว่าตนมีสิทธิใช้ยศสิบตำรวจโท และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานบังอาจใช้ตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจนายมงคล นางสิวสี สามีภริยาซึ่งเป็นเจ้าของโรงค้าไม้ โดยเรียกเงินจากบุคคลทั้งสอง ๓,๐๐๐ บาท แสดงท่าทางขู่เข็ญและพูดทำนองข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง และทรัพย์สินของบุคคลทั้งสอง แต่การกระทำไม่บรรลุผล เพราะบุคคลทั้งสองยังมิได้มอบเงินให้จำเลย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยเสียก่อน เหตุเกิดที่ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๖, ๑๔๘, ๓๓๗, ๘๐ พระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๖, ๑๔๘, ๓๓๗, ๘๐ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ลงโทษตามมาตรา ๑๔๖ จำคุก ๖ เดือน ลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ จำคุก ๕ ปี ลงโทษตามมาตรา ๓๓๗ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ จำคุก ๖ เดือน รวมจำคุก ๖ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๖ จำคุก ๖ เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘ และมาตรา ๓๓๗, ๘๐ ด้วย
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยซึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจไปที่ร้านค้าของนายมงคล พูดขอเงิน นายมงคลปฏิเสธว่าไม่มี นางสิวสี เดินมาจากหลังบ้านสอบถามได้ความจากนายมงคลว่าจำเลยมาขอเงิน จำเลยพูดว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา นางสิวสีคงปฏฺเสธว่าไม่มีเงิน จำเลยก็ว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ แล้วตามนายมงคลไปที่กองไม้ จำเลยดูดกองไม้สักครูก็ออกจากร้านไป หลังจากนั้นประมาณ ๑ ชั่วโมง จำเลยกลับมาพูดกับนาวสิวสีว่ารองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ให้มาเอาเงิน ๓,๐๐๐ – ๔,๐๐๐ บาท นางสิวสีจะให้เพียง ๑๐๐ บาท จำเลยบอกว่าไม่พอ แล้วจำเลยคงนั่งอยู่ในร้านไม่ยอมออกไป นางสิวสีจึงไปบอกกำนัน ต่อมากำนันและตำรวจมาเชิญจำเลยไปสถานีตำรวจ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั่วราชอาณาจักรก็ตาม แต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้วกล่าวหาจับกุมนายมงคลและนางสิวสีในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนนาจนั้นข่มขืนใจให้นายมงคลและนางสิวสีมอบเงินให้แก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากนายมงคลและนาวสิวสีก็โดยอ้างว่าผู้ใหญ่และอ้างชื่อรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีให้มาเอาเงิน จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของนายมงคลและนางสิวสี หรือของบุคคลที่สาม ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของนายมงคลหรือนางสิวสี การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘ และมาตรา ๓๓๗ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐
พิพากษายืน