คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุแปลงหนึ่งจำเลยปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ดินแปลงนี้บางส่วน โดยเช่าจากผู้แทนโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านไม่ใช่ของโจทก์ อยู่นอกเขตที่ดินราชพัสดุของโจทก์จำเลยไม่ได้เช่าจากโจทก์ประเด็นที่จะต้องพิจารณา คือ ที่พิพาทเป็นที่ดินของโจทก์หรือไม่การที่ศาลวินิจฉัยว่า ถึงแม้เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่านอกเขตที่ดินราชพัสดุ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง เพราะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดินจึงเป็นการพิพากษาคดีเกินหรือนอกไปจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท ผู้ที่จะฟ้องขับไล่ได้ก็ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินนั้นและถูกโต้แย้งสิทธิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุ สังกัดกรมราชทัณฑ์ แผนกราชทัณฑ์ จังหวัดนราธิวาส จำเลยได้เช่าที่ดินของโจทก์แปลงนี้บางส่วนจากผู้แทนโจทก์ ต่อมากรมราชทัณฑ์ประสงค์จะใช้ที่ดินแปลงนี้ จึงแจ้งให้จำเลยออกจากที่เช่า แต่จำเลยขัดขืนไม่ยอมออก ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้ว่าที่ราชพัสดุมีอาณาเขตไม่ถึงที่พิพาท จำเลยไม่เคยเช่าที่พิพาทต่อตัวแทนของโจทก์ ที่พิพาทเป็นที่ที่จำเลยใช้สิทธิครอบครองมาโดยความสงบ และเปิดเผยเป็นเวลาประมาณ 20 ปี แล้ว จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ในวันชี้สองสถานจำเลยรับว่าที่พิพาทก่อนจำเลยเข้าครอบครองเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า จำเลยมิได้แจ้งการครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน โจทก์แถลงว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่ทางราชการสงวนไว้เพื่อใช้ประโยชน์ทางราชการ และได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นที่ราชพัสดุ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ จำเลย แล้วพิพากษาว่าจำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท เพราะที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าถือว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จะยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินไม่ได้ โจทก์มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน เมื่อผู้แทนโจทก์ให้จำเลยออกไปจากที่ดิน จำเลยไม่ออก จึงเป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย ต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยนี้จะเป็นที่ดินที่ทางราชการสงวนไว้เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุไว้จริงหรือไม่ จำเลยไม่รับรอง และต่อสู้ว่าที่พิพาทอยู่นอกเขตที่ดินโจทก์ โจทก์จะต้องสืบให้สมก่อนว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ราชพัสดุแปลงที่โจทก์ฟ้อง เมื่อนั้นแหละโจทก์จึงจะมีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จะด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยครอบครองมาช้านานก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์หาได้ไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุ จำเลยปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ดินแปลงนี้บางส่วน โดยเช่าจากผู้แทนโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ อยู่นอกเขตที่ดินราชพัสดุของโจทก์ จำเลยไม่ได้เช่าจากโจทก์ ก็ต้องพิจารณาเฉพาะเรื่องที่โจทก์ฟ้อง คือ เป็นที่ดินของโจทก์หรือไม่ จะไปวินิจฉัยว่าถึงแม้เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่านอกเขตที่ดินราชพัสดุ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง เพราะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดินหาได้ไม่ เป็นการพิจารณาคดีเกินไปหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแม้จำเลยจะไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท ผู้ที่จะฟ้องขับไล่ได้ก็ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินนั้น และถูกโต้แย้งสิทธิ

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share