คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงบางประเด็นตามฟ้องและคำให้การจำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ รับฟังเป็นยุติไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยการพิจารณา ต้องยกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้นำเคมีเหลวที่ไม่ได้บรรจุเป็นถังหรือหีบห่อเข้ามาในราชอาณาจักร มีลักษณะอย่างเดียวกับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยบรรทุกเข้ามาในเรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง และได้รับอนุญาตจากจำเลยให้ขนถ่ายสินค้าดังกล่าวขึ้นที่ท่าเทียบเรือของโจทก์ด้วยค่าใช้จ่ายของโจทก์เอง จำเลยมิได้เรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าจากโจทก์ ต่อมาจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ชำระค่าภาระและค่าธรรมเนียมขึ้นท่าสำหรับสินค้าของโจทก์ย้อนหลังไปตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗ หากบิดพลิ้วจำเลยจะงดบริการสินค้าทุกชนิดของโจทก์ โจทก์จึงได้วางเงินมัดจำค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่าสำหรับเคมีเหลวดังกล่าวเพื่อเป็นประกันว่าหากโจทก์ต้องรับผิดในการชำระตามกฎหมาย ก็ให้เอาเงินมัดจำนี้ชำระโดยโจทก์สงวนสิทธิที่จะเรียกคืนไว้ด้วย การที่จำเลยเรียกให้โจทก์วางเงินมัดจำไว้เป็นการไม่ชอบนอกจากนี้เคมีเหลวที่โจทก์นำเข้ามานี้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมซึ่งกฎหมายถือว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จึงอยู่ในฐานะมิต้องถูกเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียม ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าของจำเลยไม่ชอบ ให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ต้องเสียค่าภาระตามอัตราที่จำเลยกำหนดตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ เงินที่โจทก์วางมัดจำไว้จำเลยต้องยึดไว้เป็นค่าภาระที่โจทก์จะต้องเสียตามกฎหมาย น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่จำเลยยกเว้นไม่เรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมแต่สินค้าเคมีเหลวของโจทก์มิได้อยู่ในประเภทนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่เรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าตามระเบียบข้อกำหนดของจำเลย แต่ผลิตภัณฑ์เคมีที่โจทก์สั่งเข้ามานั้นเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จึงได้รับยกเว้นที่จำเลยไม่เรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าพิพากษากลับว่าให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่า (๑) สินค้าเคมีเหลวที่โจทก์นำเข้ามาเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือไม่ (๒) กฎหมายกำหนดให้จำเลยเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าในกรณีไม่มีการใช้ท่าเรือหรือบริการของจำเลยหรือไม่ เห็นว่าประเด็นข้อ (๒) เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งข้อเท็จจริงตามฟ้องและคำให้การพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ส่วนประเด็นข้อ (๑) นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าเคมีเหลวที่พิพาทในคดีนี้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ซึ่งกฎหมายถือว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่า จำเลยให้การว่า สินค้าเคมีเหลวของโจทก์มิได้อยู่ในประเภทสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง จึงไม่ได้รับยกเว้นค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมคำให้การของจำเลยจึงเป็นคำให้การที่ปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์โดยชัดแจ้ง ศาลชั้นต้นก็มิได้พิพากษาในประเด็นข้อนี้ แม้ในชั้นอุทธรณ์โจทก์จะได้ตั้งประเด็นข้อนี้ และอ้างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดของเหลวชนิดต่าง ๆ ที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ประกาศกระทรวงมหาดไทย เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่โจทก์ต้องนำสืบ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีรับฟังตามประกาศกระทรวงมหาดไทยจึงไม่ชอบ ข้อเท็จจริงตามประเด็นนี้โจทก์จำเลยจึงยังโต้เถียงกันอยู่รับฟังเป็นยุติไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยการพิจารณา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานเฉพาะประเด็นข้อ ๑ แล้วมีคำพิพากษาใหม่

Share