คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำเบิกความของจำเลยซึ่งไม่มีน้ำหนักในการวินิจฉัยของศาลหรือจะมีผลให้แพ้ชนะคดีกันเป็นคำเบิกความที่ไม่เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี แม้คำเบิกความดังกล่าวจะเป็นเท็จ จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้เบิกความต่อศาลแรงงานกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 3875/2530 ระหว่างโจทก์กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด กับพวก จำเลย ว่าเหตุที่จำเลยในคดีดังกล่าวไม่ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับโจทก์ เพราะโจทก์รับว่าได้นำเงินไปใช้จริงและได้ใช้คืนให้แก่ธนาคารแล้ว ที่ว่าโจทก์รับสารภาพได้ทราบด้วยวาจาจากผู้จัดการฝ่ายภูมิภาคและได้ทราบจากบันทึกการสอบสวนของคณะกรรมการด้วย มีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่าคำเบิกความของจำเลยที่ว่า ได้ทราบจากบันทึกการสอบสวนของคณะกรรมการด้วย เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีหรือไม่ เห็นว่า คดีของศาลแรงงานกลางดังกล่าว ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาจากพยานหลักฐานอื่น ๆแล้ววินิจฉัยประเด็นสำคัญว่า โจทก์มีเจตนาทุจริตและมีการสอบสวนจำเลยโดยชอบแล้ว ที่จำเลยเบิกความถึงบันทึกการสอบสวนของคณะกรรมการจำเลยก็เบิกความลอย ๆ ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นบันทึกการสอบสวนของคณะกรรมการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ตั้งขึ้นสอบสวนโจทก์และมีการสอบสวนโจทก์โดยชอบ และศาลแรงงานกลางไม่ได้หยิบยกเอาคำเบิกความของจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัยเกี่ยวกับการสอบสวนโจทก์ว่าชอบหรือไม่ คำเบิกความของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักในการวินิจฉัยของศาลหรือจะมีผลให้แพ้ชนะคดีกันแต่อย่างใดคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ…”
พิพากษายืน

Share