แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในสัญญาเช่าซื้อนั้น คู่สัญญาอาจตกลงชำระค่าเช่าซื้อเป็นสองงวดได้ ไม่จำต้องกำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน รายวันหรือรายสัปดาห์ สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้ร้องจึงเป็นสัญญาเช่าซื้อ มิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางจึงเป็นของผู้ร้อง
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1617/2515)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลแขวงขอนแก่นพิพากษาให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ลากจูงรถลากเข็นซึ่งบรรทุกไม้ฟืนหวงห้ามอันผิดกฎหมาย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องซึ่งได้ให้จำเลยเช่าซื้อไปและยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของจำเลย ไม่ใช่ของผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายว่า สัญญาเอกสารหมาย ร.๓ เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ของกลางโอนเป็นของจำเลยแล้ว เพราะในสัญญามิได้ระบุชัดเจนลงไปว่าจำเลยจะผ่อนเป็นรายเดือน รายวัน หรือรายสัปดาห์ละเท่าใด อันจะเป็นสัญญาเช่าซื้อตามกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาหมาย ร.๓ ระบุชื่อว่าสัญญาเช่าซื้อ ความในสัญญามีว่า จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางจากผู้ร้องในราคา ๑๗,๐๐๐ บาทชำระค่าเช่าซื้อในวันทำสัญญาคือวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ จะต้องชำระอีก ๗,๐๐๐ บาท ดังนี้ เห็นว่าในสัญญาเช่าซื้อนั้น คู่สัญญาอาจตกลงชำระค่าเช่าซื้อเป็นสองงวดได้ หาจำต้องกำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน รายวัน หรือรายสัปดาห์ดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ทั้งน่าเชื่อว่าคู่กรณีมีเจตนาให้เป็นสัญญาเช่าซื้อจึงถือได้ว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อ มิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๑๗/๒๕๑๕ เมื่อจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางจึงเป็นของผู้ร้อง
พิพากษายืน