แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
บันทึกการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมที่ไม่ได้บอกให้ผู้ถูกจับทราบก่อนว่า ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับกล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันเขาในชั้นพิจารณาได้นั้น รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83ขอให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 910/2532ของศาลชั้นต้น
ระหว่างการพิจารณา จำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรมและศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 4 ปี ยกฟ้องฐานลักทรัพย์ ส่วนคำขอของโจทก์ที่ให้นับโทษต่อ ไม่ปรากฏว่าศาลได้ตัดสินแล้ว จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ ยกคำขอ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด2 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำผิดฐานรับของโจรดังที่ศาลล่างทั้งสองได้พิพากษาลงโทษมาหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุมีคนร้ายลักเอารถยนต์กระบะของนายปลื้มผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 2 ได้พร้อมกับรถยนต์ดังกล่าวซึ่งใช้แผ่นป้ายทะเบียนและป้ายวงกลมปลอม ปรากฏตามเอกสารหมายป.จ.1 กับรายการของรถที่จดทะเบียน ปรากฏตามเอกสารหมาย ป.จ.2จำเลยที่ 2 ก็รับว่าได้จัดทำขึ้นเอง รายละเอียดปรากฏตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย ป.จ.3 ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าเจ้าพนักงานตำรวจมิได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่าถ้อยคำที่จำเลยที่ 2 กล่าวดังปรากฏในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย ป.จ.3 จะใช้ยันจำเลยที่ 2ในชั้นพิจารณาได้ และบันทึกการจับกุมดังกล่าวยังไม่ปรากฏข้อหาลักทรัพย์ รับของโจร จึงจะรับฟังยันจำเลยที่ 2 ไม่ได้นั้น เห็นว่ากฎหมายมิได้บังคับให้เจ้าพนักงานตำรวจต้องปฏิบัติดังกล่าวในชั้นจับกุม และในเรื่องข้อหารับของโจร เจ้าพนักงานตำรวจก็ได้แจ้งเพิ่มเติมในภายหลังแล้ว เอกสารหมาย ป.จ.3 จึงใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบในการพิจารณาคดีนี้ได้ เมื่อพิเคราะห์ดูเอกสารหมาย ป.จ.3ซึ่งมีจ่าสิบตำรวจสมพงษ์ ฤทธิรุตม์ เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมมาเบิกความยืนยันประกอบด้วยแล้ว เห็นว่ามีน้ำหนักรับฟังได้ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นนั้น พยานจำเลยที่ 2ไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเอกสารหมาย ป.จ.3 ได้การที่จำเลยที่ 2 ได้ทำปลอมหลักฐานต่าง ๆ ที่ประกอบการใช้รถขึ้นก็คงเป็นเพราะจำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์มาโดยไม่มีเอกสารหลักฐานดังกล่าว ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่า จำเลยที่ 2 ซื้อรถมาอย่างไม่ถูกต้อง แต่เป็นในลักษณะของร้าย คือ เป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด อีกทั้งปรากฏในเอกสารหมาย ป.จ.3 ว่า จำเลยที่ 2ซื้อรถคันดังกล่าวในราคาที่ถูกมากเพียง 40,000 บาท เป็นการยืนยันให้เห็นชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 รับซื้อรถคันดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่คนร้ายได้มาจากการกระทำผิด ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจรนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน