แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 กับพวกอีกหนึ่งคนร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยพวกของจำเลยจับขาผู้เสียหายไว้ให้จำเลยที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเราก่อน เสร็จแล้วจำเลยที่ 2 มายืนคุมให้พวกของตนข่มขืนกระทำชำเราอีกจนสำเร็จความใคร่คนละครั้ง เช่นนี้เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
จำเลยที่ 2 กับพวกอุ้มผู้เสียหายขึ้นจากเรือเพื่อพาไปข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่ปรากฏว่าได้กระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก จะถือว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีอีก ๑ คนร่วมกันกระทำอนาจารนางสาวบังอร ซ่อนกลิ่น ผู้เสียหายซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยโดยร่วมกันใช้มีดปลายแหลมขู่เข็ญและใช้กำลังประทุษร้ายบีบคอฉุดกระชากอุ้มผู้เสียหายไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา แล้วจำเลยที่ ๒ กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่คนละ ๑ ครั้ง อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๘, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้กระทำผิด จำเลยที่ ๒ ได้ร่วมกับผู้อื่นกระทำความผิดดังโจทก์ฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง, ๒๗๘, ๘๓ แต่เห็นว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงให้ลงโทษตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุก ๑๒ ปี จำเลยที่ ๒ ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุกไว้ ๘ ปี ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายกับนางสาวลออ ซ่อนกลิ่น น้องสาวขับเรือรับจ้างส่งผู้โดยสารข้ามแม่น้ำปิง จำเลยที่ ๒ กับนายเงาะพวกของจำเลยใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับอุ้มผู้เสียหายไปถึงโคนต้นไม้ห่างเรือประมาณ ๑๐ วา แล้วกดผู้เสียหายให้นอนกับพื้นดิน ขู่ไม่ให้ร้อง นายเงาะ พวกของจำเลยจับขาผู้เสียหายไว้ให้จำเลยที่ ๒ ข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยที่ ๒ ก่อน แล้วจำเลยที่ ๒ ยืนคุมให้พวกของตนข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่อีก ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ ๒ กับพวกเข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคสอง แต่ที่ศาลชั้นต้นวางบทกำหนดโทษจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ ด้วยนั้นไม่ถูกต้อง เพราะจากข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ปรากฏว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก นอกจากอุ้มผู้เสียหายขึ้นไปจากเรือเพื่อพาไปข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นความผิดพลาดมาตรา ๒๗๖ อยู่แล้ว จะถือว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามมาตรา ๒๗๘ ด้วยหาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗ วรรคสอง, ๘๓ ส่วนกำหนดโทษและลดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลขั้นต้น