คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนจำเลยออกเช็ค ผู้ทรงเช็คก็เบิกความว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงิน อยู่ในธนาคาร แต่หวังว่าจำเลยจะหาเงินเข้าธนาคารให้ทันกำหนด ดังนี้ แสดงว่าผู้ทรงเช็ครู้อยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเงินขณะออกเช็ค และจำเลยก็บอกแล้วว่าไม่มีเงิน ผู้ทรงเช็คก็เบิกความรับรองว่าจำเลยออกเช็คให้ตนโดยไม่ได้หลอกลวงตน ฉะนั้นการที่จำเลยออกเช็ครายพิพาทกันนี้โดยคู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น คือไม่มีการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างกันหากแต่ทำขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอกเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตาม มาตรา 3แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค พ.ศ.2497

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยได้ออกเช็ค 2 ฉบับให้แก่นายพยงค์ กาญจนสุวรรณ สั่งจ่ายเงินรวม 350,000 บาท โดยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีผิดตามฟ้อง ให้จำคุกจำเลย6 เดือน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ก่อนจำเลยออกเช็คนายพยงค์ก็เบิกความว่า ตนรู้อยู่ว่าจำเลยไม่มีเงินอยู่ในธนาคารเอเซีย หากหวังว่าจำเลยจะหาเงินเข้าธนาคารได้ทันกำหนด ดังนี้ แสดงว่านายพยงค์รู้อยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเงินขณะออกเช็ค และจำเลยก็บอกแล้วว่าไม่มีเงินนายพยงค์ก็เบิกความรับอีกว่าจำเลยออกเช็คให้ตนโดยไม่ได้หลอกลวงตน กรณีฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบ คือที่จำเลยออกเช็ครายพิพาทกันนี้เป็นการกระทำโดยคู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นคือ ไม่มีการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างกัน หากแต่ทำขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอกเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่มีผิดตาม มาตรา 3 แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค พ.ศ. 2497

พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share