คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6651/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สภาพและลักษณะกัญชาของกลางมีปริมาณมากโดยมีน้ำหนัก รวมถึง 474.30 กรัม เกินกว่าวิสัยแห่งการมีไว้เพื่อเสพเอง แต่เป็นปริมาณมากพอจะนำไปจำหน่ายจ่ายแจกได้และกัญชาของกลาง ถูกจัดแบ่งบรรจุถุงเล็ก ๆ ไว้ถึง 23 ถุง ซึ่งรวมบรรจุใน ถุงหิ้วบรรจุกัญชาแห้งอีกส่วนหนึ่ง อันแสดงลักษณะว่าจำเลย ได้จัดแบ่งไว้เพื่อขายหรือจำหน่ายแก่บุคคลอื่น ประกอบกับ ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพในข้อหามี กัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และยังนำชี้ที่เกิดเหตุแสดงท่าทางประกอบคำรับสารภาพ ทั้งเจ้าพนักงานผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนต่างก็เบิกความยืนยันว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่มีพยานหลักฐานรู้เห็นว่าจำเลยได้จำหน่ายกัญชาก็ตาม พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาก็มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 76, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคหนึ่งจำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 6,26 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคสอง จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมกัญชาของกลางซึ่งบรรจุถุงพลาสติกขนาดเล็ก 23 ถุง น้ำหนัก 92.40 กรัม บรรจุถุงขนาดกลาง 2 ถุงน้ำหนัก 19.90 กรัม และบรรจุถุงพลาสติกขนาดใหญ่อีก 362 กรัมมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่าสภาพและลักษณะกัญชาของกลางมีปริมาณมาก โดยมีน้ำหนักรวมถึง474.30 กรัม เกินกว่าวิสัยแห่งการมีไว้เพื่อเสพเองตามที่จำเลยอ้างแต่เป็นปริมาณมากพอจะนำไปจำหน่ายจ่ายแจกได้และกัญชาของกลางถูกจัดแบ่งบรรจุถุงเล็ก ๆ ไว้ถึง 23 ถุงด้วย ซึ่งรวมบรรจุในถุงหิ้วบรรจุกัญชาแห้งอีกส่วนหนึ่ง อันแสดงลักษณะว่าจำเลยได้จัดแบ่งไว้เพื่อขายหรือจำหน่ายแก่บุคคลอื่น ประกอบกับเมื่อประกอบกับเมื่อถูกจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพตามที่เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาว่ามีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยยังคงให้การรับสารภาพว่ามีกัญชาของกลางไว้เพื่อจำหน่าย และยังนำชี้ที่เกิดเหตุแสดงท่าทางประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวน ทั้งร้อยตำรวจตรีประเสริฐศิลป์ พลนุรักษ์กับสิบตำรวจตรีไชยพงศ์ ศรีโพนทอง ผู้จับกุม และร้อยตำรวจโทเรวัตร์ ทองประยูร พนักงานสอบสวนมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ยืนยันว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจไม่มีเหตุสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่มีพยานหลักฐานรู้เห็นว่าจำเลยได้จำหน่ายกัญชาของกลางก็ตาม พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟังลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่พอฟังหักล้างพยานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยและไม่รอการลงโทษให้นั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ จึงเห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษจำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share