คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6643/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประเด็นข้อพิพาทย่อมเกิดจากคำฟ้องและคำให้การที่ปฏิเสธฟ้องของโจทก์โดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง และในคดีแต่ละเรื่องอาจมีประเด็นข้อพิพาทมากกว่าหนึ่งประเด็นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำให้การต่อสู้ของจำเลย ประเด็นใดที่จำเลยให้การไม่ชัดเจนย่อมถือว่าจำเลยมิได้ปฏิเสธในเรื่องนั้นเท่านั้น จะถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทอื่นที่จำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้แล้วไม่ได้ คำให้การของจำเลยที่ 3 ที่ขัดกันเองเฉพาะประเด็นเรื่องเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 หรือไม่ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 3 มิได้ปฏิเสธฟ้องโจทก์ในประเด็นนี้เท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนั้นเป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยให้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยและคดีพอวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๓๖ จำเลยที่ ๑ เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๓๖ จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีต่อโจทก์วงเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕.๒๕ ต่อปี ส่วนเกินวงเงินอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนทุกวันสิ้นเดือน ครบกำหนดชำระคืนภายใน ๑๒ เดือน หากจำเลยที่ ๑ ผิดนัด ยินยอมให้โจทก์นำดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับเงินที่เบิกเกินบัญชีกลายเป็นต้นเงินเบิกเกินบัญชี มีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ นอกจากนี้ จำเลยที่ ๒ นำบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของจำเลยที่ ๒ เป็นประกันหนี้ดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๓,๒๔๔,๕๒๘.๕๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ในต้นเงิน ๓,๑๗๕,๒๙๑.๙๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การว่า ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดแน่นอนคือภายใน ๑๒ เดือน นับแต่วันทำสัญญา สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจึงสิ้นสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๓๗ และมีผลเท่ากับสัญญาค้ำประกันสิ้นสุดลงด้วย จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องผูกพันหนี้สินที่เกิดขึ้นในภายหลัง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เนื่องจากโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์หักทอนบัญชีเดินสะพัดและนำเงินอายัดมาหักเพื่อชำระหนี้แล้วหรือไม่ อย่างไร เมื่อใด ตามคำฟ้องกล่าวแต่เพียงว่าได้คิดดอกเบี้ยทบต้นเอาแก่จำเลยที่ ๑ เรื่อยมา ทำให้ไม่ทราบว่าอัตราดอกเบี้ยเท่าใด และเมื่อหักทอนบัญชีแล้วเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยเท่าใด หากโจทก์หักทอนบัญชีและบังคับเอาจากเงินประกัน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ก่อน ก็จะไม่มีหนี้ที่ผู้ค้ำประกันต้องรับผิด อีกทั้งสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๓ เป็นสัญญาค้ำประกันปลอมโดยลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันมิใช่ลายมือของจำเลยที่ ๓ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๓,๒๔๔,๕๒๘.๕๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ในต้นเงิน ๓,๑๗๕,๒๙๑.๙๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๓ ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยเสียค่าขึ้นศาล ๕๐,๐๐๐ บาท ค่าธรรมเนียมศาลนอกจากนี้ได้รับยกเว้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๓ ว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามคำให้การของจำเลยที่ ๓ ตอนแรกรับว่าจำเลยที่ ๓ ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ จริง แต่คำให้การตอนหลังกลับให้การว่าสัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาปลอมโดยลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันมิใช่ลายมือของจำเลยที่ ๓ อันเป็นการต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดเพราะมิได้ทำสัญญาค้ำประกัน เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง ถือว่าคำให้การของจำเลยที่ ๓ ไม่มีประเด็น จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า ประเด็นข้อพิพาทย่อมเกิดจากคำฟ้องและคำให้การที่ปฏิเสธฟ้องของโจทก์โดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง และในคดีแต่ละเรื่องอาจมีประเด็นข้อพิพาทมากกว่าหนึ่งประเด็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำให้การต่อสู้ของจำเลย ประเด็นใดที่จำเลยให้การไม่ชัดเจนย่อมถือว่าจำเลยมิได้ปฏิเสธในเรื่องนั้นเท่านั้น จะถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทอื่นที่จำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้แล้วไม่ได้ ดังนั้น คำให้การของจำเลยที่ ๓ ที่ขัดกันเองเฉพาะประเด็นเรื่องเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ หรือไม่ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ ๓ มิได้ปฏิเสธฟ้องโจทก์ในประเด็นนี้เท่านั้น ส่วนประเด็นข้อพิพาทที่จำเลยที่ ๓ ให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้หักทอนบัญชีเดินสะพัดและนำเงินอายัดมาหักเพื่อชำระหนี้แล้วหรือไม่ อย่างไร เมื่อใด เนื่องจากตามคำฟ้องกล่าวแต่เพียงว่าได้คิดดอกเบี้ยทบต้นกับจำเลยที่ ๑ เรื่อยมา ไม่รู้ในอัตราเท่าใด และไม่รู้ว่าหักทอนบัญชีแล้วเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยเท่าใดนั้นเป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งแล้วซึ่งศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ แต่เมื่อคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยปัญหานี้ไปเลย เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ รับผิดตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี และบัญชีเดินสะพัด ส่วนจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ให้รับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน โจทก์ได้บรรยายฟ้องในข้อ ๒ ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เคยค้ากับโจทก์ และได้เปิดบัญชีเดินสะพัดกระแสรายวันกับโจทก์ตั้งแต่เมื่อใด ระบุเลขที่บัญชีกระแสรายวันรวมทั้งข้อตกลงในกรณีที่จำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเช็คเกินวงเงิน หากโจทก์ยอมผ่อนผันจ่ายเงินให้ จำเลยที่ ๑ ยอมเสียดอกเบี้ยทบต้นในอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี หรือตามอัตราสูงสุดที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และยังได้บรรยายฟ้องต่อไปว่า เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๓๖ จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีวงเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕.๒๕ ต่อปี ส่วนที่เกินวงเงินให้คิดอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนทุกวันสิ้นเดือน หากจำเลยที่ ๑ ผิดนัดชำระดอกเบี้ยให้คิดดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีการค้าของธนาคาร ทั้งได้บรรยายว่าจำเลยที่ ๑ ได้เริ่มเป็นหนี้โจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๓๖ และได้หักทอนบัญชีเดินสะพัดครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๙ อันเป็นวันที่บัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดลง และได้ส่งสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาค้ำประกันแนบมาพร้อมกับคำฟ้อง จึงเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอคำบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามมาตรา ๑๗๒ วรรคสองแล้ว ส่วนรายละเอียดในการคิดดอกเบี้ย และหักทอนบัญชีนั้น เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นสืบพยาน การที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ มิได้ปฏิเสธในเรื่องนี้เป็นข้อแสดงว่าจำเลยอื่นต่างเข้าใจคำฟ้องของโจทก์เป็นอย่างดี คงมีแต่จำเลยที่ ๓ เท่านั้นที่ยกเรื่องดังกล่าวนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ในผล ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ ๓ ใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.

Share