คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6641/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง78,200บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์โดยที่ไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยการเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใดๆให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ความประสงค์โดยตรงของโจทก์มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงแม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ยก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา248วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 46/2 หมู่ที่ 1จำเลยเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 46/1 ซึ่งอยู่ติดกับบ้านโจทก์เมื่อ พ.ศ. 2531 จำเลยได้รื้อบ้านของจำเลย แล้วปลูกสร้างอาคารใหม่เป็นอาคาร 2 ชั้น โดยเปลี่ยนแปลงตำแหน่งห้องน้ำห้องส้วมมาอยู่ชิดกับอาคารของโจทก์ทางด้านห้องนอน ซึ่งแต่เดิมห้องน้ำห้องส้วมของจำเลยอยู่ติดทางด้านหลังบ้านโจทก์ นอกจากนี้จำเลยยังเปลี่ยนทางระบายน้ำจากหลังบ้านจำเลยให้มาอยู่ข้างบ้านโจทก์ ต่อมาเมื่อกลางเดือนมีนาคม 2533 ได้มีน้ำไหลซึมจากบ้านจำเลยเข้ามาบ้านโจทก์บริเวณที่ใช้เป็นที่นอนเอ่อนองเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ น้ำไหลซึมจากบ้านจำเลยเข้าบ้านโจทก์อยู่เนือง ๆ เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อีกทั้งเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมผ่านทำให้พื้นไม้กระดานของโจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน 20,000 บาท นอกจากนี้ยังทำให้โจทก์ขาดสมาธิในการประกอบอาชีพซ่อมนาฬิกา เนื่องจากน้ำที่ไหลซึมมีกลิ่นเหม็น โจทก์ต้องหยุดรับซ่อมนาฬิกาเพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากทางอำเภอนครชัยศรี และสำนักงานจังหวัดนครปฐมทำให้ขาดรายได้อันควรจะได้รับจากการซ่อมนาฬิกาวันละ 600 บาทโจทก์ขอคิดค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2533 เป็นต้นมาถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2533 เป็นเงิน 58,200 บาท รวมเป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น 78,200 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์และให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์โดยที่ไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้ หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยการเทคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลย และไม่กระทำการใด ๆ ให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์
จำเลยให้การว่า น้ำที่รั่วซึมเข้าบ้านโจทก์นั้นไม่ใช่เป็นน้ำที่เกิดจากรางระบายน้ำหรือจากถังส้วมของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เดิมบ้านโจทก์จำเลยเป็นห้องแถวไม้ชั้นเดียวอยู่ติดกัน ห้องน้ำบ้านโจทก์อยู่หลังบ้าน รางระบายน้ำบ้านโจทก์จำเลยอยู่ใกล้กันโดยมีผนังบ้านคั้น เมื่อ พ.ศ. 2531 จำเลยปลูกสร้างบ้านใหม่เป็น 2 ชั้นเทพื้นคอนกรีตเท่าพื้นไม้เดิม ย้ายห้องน้ำ ห้องส้วมมาอยู่ข้างบ้านโจทก์ และทำรางระบายน้ำมาชิดกับบ้านโจทก์ ต่อมาเดือนมีนาคม 2533ได้มีน้ำสีขุ่นมีกลิ่นเหม็นของส้วมซึมเข้ามาในบ้านโจทก์คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และคำแก้ฎีกาของจำเลยว่าฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 หรือไม่ จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ และโจทก์เสียหายเพียงใด ปัญหาว่า ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่นั้นจำเลยแก้ฎีกาว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พิเคราะห์แล้วคดีนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง78,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์ โดยที่ไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้ หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยการเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใด ๆให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ เห็นว่า ความประสงค์โดยตรงของโจทก์นั้น มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไป ถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสอง ซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ยก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง”
พิพากษายืน

Share