คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พยานหลักฐานโจทก์ซึ่งมีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยว่าจำเลยซื้อเครื่องหมายการค้าปลอมจากผู้อื่น แล้วให้ลูกจ้างของจำเลยปิดฉลากเครื่องหมายการค้านั้นที่ขวดซีอิ๊ว เพียงเท่านี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตาม ป.อ.มาตรา 273 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ และข้อความในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำให้ปรากฏที่สินค้า เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 272(1)แม้โจทก์มิได้ระบุขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์พอจะถือได้ว่าได้บรรยายฟ้องรวมการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรา272(1) ไว้ด้วยแล้ว ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 272(1) ซึ่งมีโทษเบากว่ามาตรา 273 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย และการกระทำผิดดังกล่าวเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่น ๆ ที่มิได้ฎีกาด้วย.

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5802/2526 ของศาลชั้นต้น ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องนายจันทร์ลุผล กับพวก เป็นจำเลยในข้อหาเดียวกันกับคดีนี้แต่คดีนั้นถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์ คดีคงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้าง วานนายจันทร์ลุผล นางสาวมะลิวัลย์ ไชยเนตร นางสาวบุญส่ง ไชยเนตร และนายสมนึกบุญสงคราม จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5802/2526 ของศาลชั้นต้นกับพวกที่ไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหลายคนร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าตราเด็กสมบูรณ์ของผู้เสียหายแล้วนำไปปิดขวดซีอิ้วซึ่งจำเลยได้ใช้จ้างวานให้จำเลยทั้งสี่ในคดีอาญาหมายเลขอำที่ 5802/2526 ของศาลชั้นต้นผลิตขึ้นเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายที่แท้จริง และจำเลยทั้งสี่ในคดีอาญาหมายเลขดำดังกล่าวได้ร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหาย และได้ร่วมกันผลิตซีอิ้วเป็นอาหารปลอมขึ้นเพื่อจำหน่ายโดยบรรจุขวดปิดฉลากเครื่องหมายการค้าตราเด็กสมบูรณ์ของผู้เสียหายตามที่จำเลยได้ใช้ จ้าง วานให้กระทำ ขอให้ลงโทษตามความพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25, 27, 59, 61ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273, 84, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยและนายจันทร์ ลุผล นางสาวมะลิวัลย์ ไชยเนตร นางสาวบุญส่ง ไชยเนตร จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 17896/2526 ของศาลชั้นต้น มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25, 27, 59 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 59 จำคุกคนละ 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 จำคุกคนละ 6 เดือนรวมจำคุกคนละ1 ปี 6 เดือน คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 1 ปี โทษจำคุกสำหรับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงดังกล่าวให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ของกลางริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ปัญหาว่า จำเลยเป็นผู้ผลิตอาหารปลอมและปลอมเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมหรือไม่…ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยผลิตอาหารปลอมส่วนปัญหาปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำปลอมขึ้น คงมีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยว่า จำเลยซื้อเครื่องหมายการค้าปลอมจากผู้อื่นแล้วให้ลูกจ้างของจำเลยปิดฉลากเครื่องหมายการค้านั้นที่ขวดซีอิ้วเท่านั้น พฤติการณ์เพียงเท่านี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้แต่การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ และข้อความในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำให้ปรากฎที่สินค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) แม้โจทก์มิได้ระบุขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ด้วยก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ พอจะถือได้ว่าได้บรรยายฟ้องรวมการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรา 272 (1)ไว้ด้วยแล้ว ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดมาตรานี้ ซึ่งมีโทษเบากว่ามาตรา 273 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคท้าย และการกระทำผิดดังกล่าวเป็นเหตุอยุ่ในส่วนลักษณะดี ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่น ๆ ที่มิได้ฎีกาด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยและนายจันทร์ ลุผล นางสาวมะลิวัลย์ไชยเนตร นางสาวบุญส่ง ไชยเนตร จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่17896/2526 ของศาลชั้นต้น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา272(1) จำคุกคนละ 3 เดือน รวม 2 กระทง จำคุกคนละ 1 ปี 3 เดือนลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์”.

Share