คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากโจทก์ไปเพื่อปลูกเป็นอาคารให้ผู้อื่นเช่าทำการค้าขาย เมื่อโจทก์บอกเลิกแล้ว ก็เป็นอันยุติจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่อย่างใดเลย
เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิที่จะคงเช่าอยู่ต่อไปแล้วผู้ที่เช่าจากจำเลยก็ไม่มีทางที่จะอ้าง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯมาคุ้มครองหรือใช้ยันแก่โจทก์ได้ เพราะบุคคลเหล่านี้มิใช่เป็นผู้เช่าจากโจทก์ (อ้างฎีกาที่1216/2491)

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยแต่ผู้เดียวว่า จำเลยจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาเช่าที่โจทก์เพื่อปลูกสร้างโรงเรือนกำหนดต่ออายุสัญญาเช่าปีละครั้ง และมีข้อตกลงว่า ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินคืนเมื่อใด จำเลยที่ 1 ต้องส่งมอบคืนภายใน 30 วัน บัดนี้โจทก์ต้องการที่ดินคืน ได้บอกเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ขัดขืน จึงขอให้ขับไล่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเรียกค่าเสียหายจำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยเช่าที่มาปลูกห้องแถว และมีผู้เช่าเช่าทำการค้าขายตลอดมาเป็นเวลา 20 กว่าปี จำเลยเต็มใจรื้อห้องแถวไปแต่ผู้เช่าไม่ยอมออก จำเลยจึงรื้อไม่ได้ และจำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหาย แล้วจำเลยที่ 1 ได้ขอให้เรียกผู้เช่ามาเป็นจำเลยร่วมคงมีผู้เช่ายอมร่วมเข้ามาเป็นจำเลย 5 คน จำเลยทั้ง 5 ว่าไม่ต้องออกจากที่เช่า เพราะได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2489 จำเลยที่ 1 ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายมาโนฮาซิงห์กับนายวิทยาเป็นจำเลย ขอให้ขับไล่ออกจากห้องแถวในคดีสำนวนอื่นอีก 2 สำนวน ซึ่งจำเลยใน 2 สำนวนให้การว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าเช่นเดียวกัน ศาลสั่งรวมพิจารณา

ในชั้นพิจารณา โจทก์ขอให้ศาลสอบถามจำเลยที่ 1 ๆ ว่าไม่ยอมเลิกสัญญาเช่า เพราะหนี้ไม่เปิดช่องให้ปฎิบัติ ถ้าผู้เช่าออกก็จะรื้อถอนไป จำเลยอื่นแถลงว่าที่ ๆ เช่านั้น ทั้งอยู่อาศัยและค้าขายด้วย ซึ่งโจทก์ยอมรับในข้อนี้ โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้ง 3 สำนวน ศาลอุทธรณ์แก้ให้ขับไล่จำเลยที่ 1 กับบริวารและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เป็นของตนออกจากที่รายนี้

จำเลยที่ 1 และผู้เช่าที่เป็นจำเลยร่วมทั้ง 5 คน ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่อย่างใดเพราะจำเลยมิได้เช่าเพื่ออยู่อาศัย หากเช่าไปปลูกเป็นอาคารให้ผู้อื่นเช่าทำการค้าขาย เมื่อโจทก์บอกเลิกแล้วก็เป็นอันยุติ

เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิที่จะเช่าอยู่ต่อไปแล้ว จำเลยร่วมอื่น ๆ ผู้เช่าจากจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีทางอ้างพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ มาคุ้มครอง หรือใช้ยันแก่โจทก์ได้ เพราะจำเลยเหล่านั้นมิใช่ผู้เช่าจากโจทก์

พิพากษายืน

Share