คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพฤติการณ์ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเห็นผู้ตายเป็นผีตาโตแต่น่าเชื่อว่าจำเลยแทงผู้ตายในเวลาที่จำเลยตระหนกตกใจจำเลยไม่ได้จงใจแทงให้ถูกที่สำคัญ จำเลยแทงเพียงทีเดียว จำเลยกับผู้ตายต่างรักใคร่กันดี จึงเชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนางเกียงมารดาจำเลย 1 ทีโดยเจตนาฆ่านางเกียงถึงแก่ความตายเพราะแผลที่ถูกแทง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289

ชั้นแรกจำเลยให้การว่า จำเลยเห็นมารดาเป็นผีผู้ชาย จึงแทงไปไม่มีเจตนาฆ่า ต่อมาจำเลยขอถอนคำให้การเดิมแล้วให้การใหม่รับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(1) ให้ประหารชีวิต แต่จำเลยอายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 12 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 ให้อีกกึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290ตอนท้าย ลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75คงจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ให้รอการลงโทษภายใน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56, 58

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นบุตรนางเกียงผู้ตาย นางเกียงมาได้นายโตเป็นสามีซึ่งมีบุตรติดมาอีก 3 คน คืนเกิดเหตุนางดีบุตรคนหนึ่งของนายโตเกิดอาการผิดปกติ ร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง พูดเพ้อเจ้อ จับใจความได้ว่าฝีแซ่ของนางดีมาเข้า นางเกียงผู้ตายให้นางดีนอนหนุนตัก ส่วนนายโตนำเครื่องเส้นมาเส้นผีที่ชานเรือน พอเส้นผีเสร็จนางดีมีอาการปกติ แต่นางเกียงลุกเดินออกไปโดดจากชานเรือนสูงประมาณ 2 ศอกลงไปในแอ่งน้ำฝน แล้วคลานอยู่ในแอ่งน้ำนั้น จำเลยพูดขอให้นายโตช่วยนางเกียงขึ้นจากแอ่งน้ำนายโตประคองนางเกียงจะเอาขึ้นเรือน ยังห่างบันใด 2 วา จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนางเกียง 1 ที ต่อมานางเกียงถึงแก่ความตายชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าเห็นผู้ตายเป็นผีตาโต จำเลยลืมตัวไม่รู้ว่าแทงผู้ตายไปได้อย่างไร ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยให้การชั้นสอบสวนว่าเห็นหน้าผู้ตายเป็นผีตาโตนั้น ตามพฤติการณ์ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะเห็นไปได้เช่นนั้น ปรากฏจากคำพยานโจทก์ว่า จำเลยกับผู้ตายต่างรักใคร่กันดี จำเลยขอให้นายโตไปช่วยนำผู้ตายขึ้นเรือนก็แสดงว่า จำเลยมีความรักใคร่ห่วงใยผู้ตายเมื่อนายโตอุ้มผู้ตายจะพาขึ้นเรือนจำเลยจึงได้แทงผู้ตาย 1 ที แล้ววิ่งหนีไปดูตามพฤติการณ์ดังกล่าวแล้วไม่มีเหตุที่จะคิดไปว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายจำเลยแทงผู้ตาย 1 ที ในขณะที่แทงนั้นก็ควรเชื่อได้ว่าเป็นเวลาที่จำเลยตระหนักตกใจ ไม่ได้จงใจ หรืออาจจะแลเห็นได้ว่าจำเลยได้มั่นหมายที่จะแทงให้ถูกที่สำคัญ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share