แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด ต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใดตาม ป.อ. มาตรา 3 เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดในคดีนี้ จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปีเศษ จึงต้องใช้บทบัญญัติมาตรา 75 ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดอันเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับ แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66 และ 102 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 11, 12, 13, 18, 54 และ 62 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91กับริบเมทแอมเฟตามีนและกระดาษสีขาวขุ่นของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิตฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 20 ปีและปรับคนละ 400,000 บาท ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 4 เดือน คำให้การชั้นจับกุมและสอบสวนของจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ส่วนข้อหาอื่นจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองกระทงแรกคนละ 37 ปี 6 เดือน กระทงที่สองคนละ 10 ปี และปรับคนละ 200,000 บาทและกระทงที่สามคนละ 2 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสองสามกระทงมีกำหนดคนละ 47 ปี 8 เดือน และปรับคนละ 200,000 บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ ให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 กับริบเมทแอมเฟตามีนและกระดาษสีขาวขุ่นของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็น การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ตามมาตรา 65 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 และลดโทษให้จำเลยทั้งสองอีกคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) และ 53 เป็นจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุก 2 เดือน ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 11 แล้วเป็นจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 33 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะจำเลยที่ 1 กระทำความผิดและ มาตรา 65 วรรคสอง (ใหม่) ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 19 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดบัญญัติให้มีระวางโทษประหารชีวิตสถานเดียวเช่นเดียวกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่าความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ชอบแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมีอายุ 17 ปีเศษ ขณะกระทำความผิดหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะจำเลยที่ 1 กระทำความผิด เป็นจำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา 52 (1) นั้น ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 มีอายุ 17 ปีเศษ ต้องด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 วรรคสาม ที่บัญญัติไว้ว่า “ในกรณีผู้ซึ่งกระทำความผิดในขณะที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีได้กระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตให้ถือว่าระวางโทษดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นระวางโทษจำคุกห้าสิบปี” จึงต้องกำหนดโทษในความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษเป็นจำคุกห้าสิบปี และในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 75 และ 76 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และให้ใช้ความใหม่แทน โดยมาตรา 75 ที่แก้ไขใหม่บัญญัติว่า “ผู้ใดอายุกว่าสิบห้าปีแต่ต่ำกว่าสิบแปดปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด ให้ศาลพิจารณาถึงความรู้ผิดชอบและสิ่งอื่นทั้งปวงเกี่ยวกับผู้นั้น ในอันที่จะควรวินิจฉัยว่าสมควรพิพากษาลงโทษผู้นั้นหรือไม่ ถ้าศาลเห็นว่าไม่สมควรพิพากษาลงโทษ ก็ให้จัดการตามมาตรา 74 หรือถ้าศาลเห็นว่าสมควรพิพากษาลงโทษ ก็ให้ลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดลงกึ่งหนึ่ง” และมาตรา 76 ที่แก้ไขใหม่บัญญัติว่า “ผู้ใดอายุตั้งแต่สิบแปดปีแต่ยังไม่เกินยี่สิบปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งก็ได้” ซึ่งตามบทบัญญัติมาตรา 75 ที่แก้ไขใหม่ดังกล่าวหากศาลเห็นสมควรพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดซึ่งมีอายุกว่า 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี ศาลต้องลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงกึ่งหนึ่งเสมอ ไม่อาจใช้ดุลพินิจลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งสำหรับผู้กระทำความผิดซึ่งมีอายุกว่า 17 ปี แต่ต่ำกว่า 20 ปี ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 76 (เดิม) ได้ เป็นกรณีที่กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด ต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดในคดีนี้จำเลยที่ 1 มีอายุ 17 ปีเศษ ดังนี้ จึงต้องใช้บทบัญญัติมาตรา 75 (ใหม่)ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดอันเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยที่ 1 ผู้กระทำความผิด แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาในปัญหานี้โดยตรง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง
พิพากษาแก้เป็นว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 มีอายุกว่า 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 (ใหม่) ประกอบมาตรา 18 วรรคสาม ฐานร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย จำคุก 25 ปี ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน เมื่อลดโทษสำหรับกระทงแรกหนึ่งในสามและกระทงหลังกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว กระทงแรกคงจำคุก 16 ปี 8 เดือน กระทงหลังคงจำคุก 1 เดือน 15 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 ปี 9 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5