คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การรับสภาพหนี้ มิใช่เป็นการก่อให้เกิดหนี้ขึ้นใหม่ในตัวเองแต่ก็เป็นนิติกรรมประเภทสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมให้คงอยู่ต่อไปและไม่ขาดอายุความ เจ้าหนี้ย่อมฟ้องบังคับตามสิทธิเรียกร้องที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้ได้ ถ้าหากจำเลยได้รับสภาพหนี้โดยชอบและหนังสือรับสภาพหนี้ถูกต้อง
ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวดๆงวดแรกคือวันที่ 31 ตุลาคม 2506 แล้วจำเลยได้ผ่อนชำระมาเป็นคราวๆ แต่ไม่ตรงตามงวด ครั้งหนึ่งชำระด้วยเช็คเงินสดลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2511 ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้ด้วยการชำระหนี้เงินบางส่วนแก่โจทก์ อันเป็นผลให้อายุความ 5 ปีสำหรับการชำระเงินงวดแรกซึ่งยังไม่ครบ กำหนดสะดุดหยุดลงและการที่จำเลยมิได้ชำระเงินครบถ้วนตามงวดดังที่ตกลงกันไว้ต้องถือว่าการชำระหนี้บางส่วนดังกล่าวเป็นการรับสภาพหนี้รายพิพาททั้งหมดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกและเป็นผู้จัดการมรดกของนายสรวง จันทวสุ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๐๒นายสรวง จันทวสุ ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้ธนาคารเกษตร จำกัดเป็นเงิน ๓๕๔,๐๗๔.๗๘ บาทโดยชำระหนี้แทนและได้ชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ต่อมาวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๐๖ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้กับนายสรวง จันทวสุ โดยวิธีผ่อนชำระเป็นงวดงวดแรกชำระ ๕๔,๐๗๔.๗๘ บาท และงวดต่อไปเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาทจำเลยชำระเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวแล้ว ยังค้างชำระ๑๘๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่ค้างชำระรวมทั้งดอกเบี้ย๕ ปี เป็นเงิน ๒๓๗,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน๑๘๐,๐๐๐ บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเป็นหนี้ธนาคารเกษตร จำกัดไม่เคยเป็นหนี้นายสรวง จันทวสุ และไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามสำเนาท้ายฟ้อง หนังสือดังกล่าวไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ หากจำเลยลงชื่อในหนังสือจริง จำเลยก็ทำตามคำร้องขอของนายสรวง จันทวสุเพื่อนายสรวงจะเอาไปเป็นหลักฐานประกอบการกู้ยืมเงินจากนายทองดีสกุลไทย หนี้ตามฟ้องมีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา โจทก์ฟ้องภายหลังจากผิดนัดเกิน ๕ ปีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ๑๘๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๒ซึ่งเป็นวันผิดนัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอ้างเป็นทำนองว่าไม่มีกฎหมายบัญญัติให้หนังสือรับสภาพหนี้ก่อให้เกิดหนี้ หนี้ต้องมีมูลมาจากเหตุอื่นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้นั้น เห็นว่าจริงอยู่ที่การรับสภาพหนี้นั้นมิใช่เป็นการก่อให้เกิดหนี้ขึ้นใหม่ในตัวเองแม้กระนั้นก็ดี การรับสภาพหนี้ก็เป็นนิติกรรมประเภทสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมให้คงมีอยู่ต่อไปและไม่ขาดอายุความ หนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นหลักฐานแห่งการสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมนั้นเองเพราะฉะนั้นโจทก์ย่อมจะบังคับตามสิทธิเรียกร้องของตน ดังที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นได้ ถ้าหากจำเลยได้รับสภาพหนี้โดยชอบและหนังสือรับสภาพหนี้ถูกต้อง
ที่จำเลยอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะหนี้ตามเอกสาร จ.๑๒มีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลานับแต่ผิดนัดเป็นเวลาเกิน ๕ ปีแล้ว เรื่องนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้และขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ ของจำเลยนั้นโจทก์เบิกความรับอยู่ว่านายสรวง จันทวสุ ตกลงตามข้อเสนอขอผ่อนชำระหนี้ของจำเลยเป็นงวด ๆ นั้น งวดแรกคือวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๐๖โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับหนี้รายนี้สำหรับงวดแรกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และจำเลยได้ผ่อนชำระมาเป็นคราว ๆ แต่ไม่ตรงตามงวดทั้งจำเลยก็ได้เคยชำระหนี้รายพิพาทครั้งหนึ่งด้วยเช็คเงินสด จำนวนเงิน๕๐๐ บาท ฉบับลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๑๑ จึงถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ด้วยการใช้เงินบางส่วนแก่โจทก์แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๗๒ อันเป็นผลทำให้อายุความ ๕ ปีสำหรับการชำระเงินงวดแรกซึ่งยังไม่ครบกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๖สะดุดหยุดลง อย่างไรก็ตามจำเลยมิได้ชำระเงินครบถ้วนตามงวดที่ได้ตกลงไว้จึงต้องถือว่าการชำระหนี้บางส่วนดังกล่าวเป็นการรับสภาพหนี้รายพิพาททั้งหมดในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๑๑ ด้วย เมื่อเริ่มนับอายุความใหม่จากวันที่ ๒๒พฤษภาคม ๒๕๑๑ จนถึงวันฟ้องคือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๓ เป็นเวลาเพียงหนึ่งปีเศษเท่านั้น คดีโจทก์หาขาดอายุความไม่
พิพากษายืน

Share