คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาญา ม.243 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายไม่มีอำนาจถอนคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจกระทำชำเรานางสาวหวาดบุตรีของจำเลยเองก่อนศาลพิจารณานางสาวหวาดยื่นคำร้องว่าไม่ติดใจเอาความแก่จำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าความผิดตามมาตรา ๒๔๗ เรื่องบิดากระทำแก่บุตรเป็นเพียงอุปกรณ์แก่มาตรา ๒๔๓ ซึ่งเป็นแม่บท เพียงแต่วางอัตราโทษหนักขึ้นเท่านั้น เมื่อปรากฎว่าเหตุมิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัลก็ต้องถือว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายถอนคดีได้ จึงสั่งจำหน่ายคดี.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความในมาตรา ๒๔๗ บัญญัติไว้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากมิใช่อาศัยมาตรา ๒๔๓ เป็นแม่บทและความผิดตามมาตรา ๒๔๗ เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน จึงพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้พิจารณาพิพากษาต่อไป
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่ากฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๘ ซึ่งระบุความผิดอาญาในหมวดนี้ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัวนั้น ได้กล่าวชัดถึงคดีฉะเพาะที่บัญญัติไว้โดยฉะเพาะในบางกรณีเท่านั้น หาได้บัญญัติถึงความผิดตามมาตรา ๒๔๗ ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ และมาตรา ๒๔๗ นี้ได้บัญญัติขึ้นเป็นบทหนึ่งต่างหากมิใช่เป็นอุปกรณ์ของมาตราอื่น โดยมีเหตุผลอันเกี่ยวกับศิลธรรม จรรยาและสถานะของบุคคลเป็นเหตุพิเศษ จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งความที่ว่าเหตุได้เกิดต่อหน้าธาระคำนัลหรือไม่ เพราะมีโอกาศกระทำการในที่ระโหฐานได้สะดวก ส่วนอัตราโทษซึ่งโยงไปใช้จากมาตรา ๒๔๓ ก็เพื่อให้ง่ายแก่การกำหนดโทษมิให้ยุ่งยากสับสนเท่านั้น เมื่อถือว่ามาตรา ๒๔๗ เป็นบทบัญญัติส่วนหนึ่งต่างหากมิใช่ความผิดต่อส่วนตัวแล้ว ผู้เสียหายก็ไม่มีอำนาจถอนคดี จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.

Share