คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2401/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้งดการไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง ก็เพื่อจะวินิจฉัยว่าข้ออ้างที่ผู้ร้องประสงค์จะขอให้งดหรือรอการจ่ายเงินให้โจทก์มีเหตุผลหรือไม่เพียงใด แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลได้จ่ายเงินที่โจทก์ขอให้แก่พนักงานบังคับคดีอายัดมาให้แก่โจทก์ไปแล้ว ซึ่งเป็นการจ่ายเงินเนื่องจากการบังคับคดีของโจทก์ นอกจากนี้ศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขให้โจทก์นำธนาคารกรุงเทพ จำกัด มาทำสัญญาค้ำประกันเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลอีกด้วย ดังนี้ถ้าผู้ร้องชนะคดีในที่สุด ผู้ร้องก็มีสิทธิขอให้ธนาคารดังกล่าวจ่ายเงินตามที่ทำสัญญาค้ำประกันไว้ให้ผู้ร้องได้ทันที ไม่เสียหายแต่ประการใด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป ศาลย่อมสั่งงดการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องเสียได้

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๒,๔๕๐,๐๐๐ บาทโดยผ่อนชำระเป็นงวด ๆ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ขอให้ศาลบังคับคดีและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ส่งเงินซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกร้องจำนวน ๑,๑๗๒,๓๑๕.๗๗ บาท ไปให้กรมบังคับคดีตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์จะขอยึดเงินของจำเลยที่มีสิทธิจะได้รับจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน ๑,๑๗๒,๓๑๕.๗๗ บาทไม่ได้ โดยอ้างว่าผู้ร้องฟ้องจำเลยกับพวกต่อศาลแพ่งให้ชำระเงินตามตั๋วเงินตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๓๔๑/๒๕๒๐ และผู้ร้องได้ขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาแล้ว และผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์ จำเลยขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลและทำลายสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๐๔๙/๒๕๒๑ ของศาลแพ่ง ขอให้งดหรือรอการบังคับคดีของโจทก์ไว้ก่อน
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเฉลี่ย ไม่มีสิทธิจะห้ามโจทก์ในการที่จะอายัดเงินจำนวนดังกล่าวซ้ำ และไม่มีสิทธิขอให้งดการบังคับคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กรมบังคับคดีจ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์ถ้าเห็นว่ามีเหตุที่จะต้องไต่สวนหรือรอฟังผลคดีหมายเลขดำที่ ๖๐๔๙/๒๕๒๑ ของศาลแพ่งก็ควรให้โจทก์หาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลเป็นการชั่วคราว โจทก์ก็ยินยอมปฏิบัติตาม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องและงดจ่ายเงินที่อายัดไว้ก่อน ให้รอฟังผลการไต่สวน และมีคำสั่งเพิ่มเติมว่าให้โจทก์หาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลภายใน ๑๕ วัน
ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์หาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลภายใน ๑๕ วัน เพื่อพิจารณาเรื่องโจทก์ขอรับเงินไปก่อนนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบเพราะขัดกับคำสั่งที่ศาลสั่งว่าให้นัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องและงดจ่ายเงินที่อายัดไว้ก่อนขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น และงดจ่ายเงินให้โจทก์เพื่อรอฟังผลการไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาในชั้นบังคับคดี
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๑
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง ในวันนัดไต่สวนทนายโจทก์แถลงว่า ศาลได้อนุญาตให้โจทก์รับเงินจำนวน ๑,๑๗๒,๓๑๕.๗๗ บาทที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตส่งมายังกรมบังคับคดีไปเรียบร้อยแล้ว โดยให้นำธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ มาทำสัญญาค้ำประกันเงินที่โจทก์รับไปดังกล่าวและในวันนัดพร้อมศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ปรากฏหลักฐานจากสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๑๔/๒๕๒๑ ของศาลแพ่งว่า โจทก์ได้รับเงินดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๒๒ และมีธนาคารค้ำประกันจริงคดีจึงไม่จำต้องทำการไต่สวนต่อไป ให้งดการไต่สวน
ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า แม้โจทก์จะรับเงินจำนวน ๑,๑๗๒,๓๑๕.๗๗ บาทไปแล้วก็ตาม หากทำการไต่สวนปรากฏความจริงว่าเงินดังกล่าวศาลสั่งจ่ายไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ถูกต้องด้วยวิธีปฏิบัติ ก็ชอบที่ศาลจะสั่งให้คืนสู่สถานะเดิมคือเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากโจทก์ขอให้ทำการไต่สวนตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๑ ขอให้งดหรือรอการจ่ายเงินจำนวน ๑,๑๗๒,๓๑๕ บาท ๗๗ สตางค์ ของจำเลยที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งมาตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอบังคับคดีในคดีนี้โดยอ้างว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยกับพวกเรียกเงินตามตั๋วเงิน ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๓๔๑/๒๕๒๐ ของศาลแพ่งและฟ้องโจทก์กับจำเลยขอเพิกถอนการฉ้อฉลและสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๐๔๙/๒๕๒๑ ของศาลแพ่งคดีปรากฏในที่สุดว่าศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง ในขณะเดียวกันศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์หาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลภายใน ๑๕ วันเพื่อจ่ายเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ครั้นวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๒๒ ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายเงินจำนวน๑,๑๗๒,๓๑๕ บาท ๗๗ สตางค์ให้โจทก์โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัดสำนักงานใหญ่ทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาล ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องเช่นนี้ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องก็เพื่อจะวินิจฉัยว่า ข้ออ้างที่ผู้ร้องประสงค์จะขอให้งดหรือรอการจ่ายเงินให้โจทก์ (การบังคับคดีของโจทก์) มีเหตุผลหรือไม่เพียงใดแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลได้จ่ายเงินที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดมาให้แก่โจทก์ไปแล้ว ซึ่งเป็นการจ่ายเงินเนื่องจากการบังคับคดีของโจทก์ นอกจากนี้ศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขให้โจทก์นำธนาคารกรุงเทพจำกัด มาทำสัญญาค้ำประกันเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลอีกด้วย ดังนี้ถ้าผู้ร้องชนะคดีในที่สุด ผู้ร้องก็มีสิทธิขอให้ธนาคารดังกล่าวจ่ายเงินตามที่ทำสัญญาค้ำประกันไว้ให้ผู้ร้องได้ทันที ไม่เสียหายแต่ประการใด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป
พิพากษายืน

Share