แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บ้านโจทก์อยู่คนละฝั่งคลองกับบ้านจำเลยซึ่งมีไฟฟ้าใช้และการวางสายไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าในที่ดินของจำเลยมายังบ้านโจทก์มีระยะเพียง 45 เมตร เสียค่าใช้จ่าย 800 กว่าบาท ถ้าวางสายไฟฟ้าริมทางเดินไฟตามลำรางสาธารณะมายังบ้านโจทก์จะมีระยะประมาณ180 ถึง 190 เมตร เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 7,000 บาท เมื่อคำนวณเปรียบเทียบกันแล้ว การวางสายไฟฟ้าผ่านลำรางสาธารณะเป็นการเปลืองเงินมากเกินควร ที่จำเลยว่าจักต้องคำนึงถึงประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วย เพราะมีเนื้อที่เพียง 1 ไร่เศษจะต้องปลูกบ้านอยู่อาศัยสำหรับบุตร 6 คน นั้น ขณะนี้จำเลยก็ยังไม่ได้ปลูกบ้าน เพื่อให้บุตรจำเลยใช้อยู่อาศัยถ้าในอนาคต จำเลยจะต้องใช้ประโยชน์จากที่ดินตรงที่วางปักเสาไฟฟ้าก็ถือว่ามีพฤติการณ์เปลี่ยนไป จำเลยก็มีสิทธิที่จะเรียกให้โจทก์ย้ายถอนเสาไฟฟ้าไปไว้ส่วนอื่นในที่ดินของตนได้ ที่ว่าต้นมะพร้าวอาจทับสายไฟฟ้าขาดเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อการวางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินจำเลยส่วนอื่นมายังบ้านจำเลยก็มีการเสี่ยงภัยเช่นเดียวกัน ดังนี้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา จำเลยไม่ได้ขาดประโยชน์ในการใช้สอยที่ดิน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขอให้จำเลยรับค่าทดแทน 1,000 บาท จากโจทก์และยินยอมให้โจทก์เดินสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของจำเลย หากขัดขืนให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์มีทางอื่นวางสายไฟฟ้าได้อยู่แล้วโดยผ่านทางด้านทิศเหนือแยกมาจากถนนวัดสวนส้ม แล้วเลียบคลองบางฝ้าย ซึ่งเป็นคลองสาธารณประโยชน์มายังบ้านโจทก์ ซึ่งสะดวกกว่าและใกล้กว่า โดยไม่ต้องผ่านบ้านจำเลย ที่ดินของจำเลยมีเพียง 1 ไร่เศษ ต้องแบ่งให้บุตร 6 คน ปลูกบ้านก็เต็มเนื้อที่การที่โจทก์เดินสายไฟฟ้าผ่านที่ดินจำเลย เป็นการขัดขวางการใช้ที่ดินของจำเลย ทำให้เกิดความเสียหายไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของจำเลย โจทก์นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352มาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ว พิพากษาให้จำเลยรับค่าทดแทน1,000 บาท จากโจทก์ และให้โจทก์วางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของจำเลยโดยต่อสายไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าในที่ดินของจำเลยไปยังบ้านโจทก์ได้หากจำเลยไม่ยอม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นได้ไปเดินเผชิญสืบที่ดินของโจทก์จำเลยได้ความว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในซอยวัดสวนส้มถนนปู่เจ้าสมิงพราย มีทางเดินแยกจากซอยดังกล่าว เมื่อเลี้ยวซ้ายจะเป็นที่ดินของนางโถม แล้วเลี้ยวขวาจะถึงที่ดินของจำเลยโดยที่ดินของจำเลยด้านทิศตะวันตกจดคลองบางฝ้ายคลองกว้างประมาณ 10 เมตร ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดที่ดินนางโถมในที่ดินของจำเลยมีบ้านปลูกอยู่ 2 หลัง อยู่ทางมุมทิศตะวันตกและทิศใต้ด้านติดคลองเนื้อที่ประมาณ 1 งาน บริเวณที่เหลือนอกนั้นเป็นสวนมะพร้าว ที่ดินของโจทก์อยู่ตรงข้างคนละฝั่งคลองกับที่ดินของจำเลยตามแนวทางเดินจากซอยวัดสวนส้มไปจนถึงที่ดินของนางโถม มีเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าปักเป็นแนวไป แล้วต่อเข้าไปในที่ดินของจำเลย โดยมีที่ดินของจำเลยมีเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าปักอยู่บริเวณสวนมะพร้าวห่างจากแนวเขตด้านที่ติดคลอง 32 เมตร และห่างจากแนวเขตที่ติดกับที่ดินของนางโถม ด้านทิศเหนือ 1.50 เมตรตรงหัวมุมทางเดินที่แยกจากซอยวัดสวนส้ม มีลำรางสาธารณะต่อจากทางเดินดังกล่าวตรงไปเชื่อมต่อกับคลองบางฝ้าย ชาวบ้านที่อยู่ฝั่งคลองด้านเดียวกับที่ดินของโจทก์ได้เดินสายไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าต้นที่อยู่ริมทางเดินตรงหัวมุม แล้วปักเสาไฟฟ้ารับสายไฟฟ้าเอาเองไปตามแนวลำรางสาธารณะโดยนางหลาบเจ้าของที่ดินที่ติดกับลำรางสาธารณะยินยอมให้ปักเสาไฟฟ้าผ่านที่ดินได้ ระยะเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าต้นดังกล่าวถึงคลองบางฝ้ายประมาณ 120 ถึง 130 เมตรและต่อจากลำรางสาธารณะที่เชื่อมกับคลองบางฝ้ายไปถึงที่ดินของโจทก์ประมาณ 60 เมตร โดยก่อนถึงที่ดินของโจทก์มีที่ดินของผู้อื่นคั่นอยู่ทางฝั่งเดียวกับที่ดินของโจทก์ 3 ราย และฝั่งเดียวกับที่ดินของจำเลย 2 ราย ฝั่งคลองด้านที่ดินของโจทก์ไม่มีเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้ารายละเอียดการเดินเผชิญสืบปรากฎตามรายการกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 16 มกราคม 2528และแผนที่สังเขปท้ายรายงาน
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ปักเสาไฟฟ้าผ่านทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องผ่านที่ดินจำเลยซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ7,000 บาท เป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงเกินไปสำหรับการได้ไฟฟ้าใช้ตลอดไปเมื่อเปรียบเทียบกับการที่จะเลยต้องขาดประโยชน์ในการใช้สอยที่ดินตลอดเนื้อที่ทั้งแปลงนั้น ได้ความว่า บ้านโจทก์อยู่คนละฝั่งคลองกับบ้านจำเลยซึ่งมีไฟฟ้าใช้ และการวางสายไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าในที่ดินของจำเลยมายังบ้านโจทก์ ก็มีระยะทางเพียง 42 เมตรเสียค่าใช้จ่าย 800 กว่าบาทแต่ถ้าวางสายไฟฟ้าริมทางเดินไปตามลำรางสาธารณะมายังบ้านโจทก์จะมีระยะทางประมาณ 180 ถึง 190 เมตรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 7,000 บาท เมื่อคิดคำนวณเปรียบเทียบกันแล้ว การวางสายไฟฟ้าผ่านลำรางสาธารณะเป็นการเปลืองเงินมากเกินควร จำเลยฎีกาว่าจักต้องคำนึงถึงประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วยเพราะมีเนื้อที่เพียง 1 ไร่เศษ จะต้องปลูกบ้านอยู่อาศัยสำหรับบุตร 6 คน จำเลยต้องขาดประโยชน์ในการใช้สอยที่ดินอย่างมาก เห็นว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยก็ยังไม่ได้ปลูกบ้าน เพื่อให้บุตรจำเลยใช้อยู่อาศัย ดังจำเลยอ้าง จำเลยจึงยังไม่ได้ขาดประโ่ยชน์ แต่ถ้าในอนาคต จำเลยจะต้องใช้ประโยชน์จากที่ดินตรงที่วางปักเสาไฟฟ้าก็ถือว่าว่าพฤติการณ์เปลี่ยนไปจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมีสิทธิที่จะเรียกให้โจทก์ย้ายถอนเสาไฟฟ้าไปไว้ส่วนอื่นในที่ดินของตนได้ ส่วนข้อที่ว่าการย้ายภายหลังทำให้เสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากนั้น ในชั้นนี้คดียังไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณา ที่จำเลยอ้างว่าต้นมะพร้าวอาจทับสายไฟฟ้าขาดเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินนั้น เห็นว่าการวางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินจำเลยส่วนอื่นมายังบ้านจำเลย ก็มีการเสียวภัยดังที่จำเลยอ้างเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเป้ฯเรื่องปกติธรรมดา จำเลยไม่ได้ขาดประโยชน์ในการใช้สอยที่ดินแต่อย่างใด”
พิพากษายืน