แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มิได้บัญญัติว่าการกระทำความผิดหลายกรรมนั้นจะเกิดขึ้นในวาระเดียวกันไม่ได้ แม้การกระทำความผิดต่างวาระกันจะต้องกระทำความผิดหลายกรรมก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าในวันเดียวกันหรือวาระเดียวกันหรือต่อเนื่องในคราวเดียวกันจะเป็นความผิดหลายกรรมไม่ได้ จำเลยได้ปลอมใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าและใบกำกับภาษีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นเอกสารสิทธิด้วยการแก้ไขตัวเลขจำนวนเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าที่แท้จริงให้เพิ่มขึ้นจำนวน39 ฉบับ ซึ่งใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าและใบกำกับภาษีปลอมดังกล่าวเป็นผู้ใช้กระแสไฟฟ้าต่างรายกัน แล้วจำเลยใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นทั้งหมดไปเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทั้ง 39 ราย เป็นเหตุให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทั้ง 39 ราย หลงเชื่อยอมจ่ายเงินตามจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้วจำเลยนำส่วนที่เกินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต แม้จะไม่ได้ระบุว่าการกระทำผิดฐานใดกระทำในวันเวลาใดแต่ทันทีที่จำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีฉบับหนึ่งก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิสำเร็จแล้ว เพราะโดยสภาพของการกระทำ การกระทำของจำเลยแยกออกจากกันได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมรวม 39 กระทงเมื่อจำเลยนำใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีที่ทำปลอมขึ้นดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทั้ง 39 รายจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมรวม 39 กระทงเช่นกัน เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารสิทธิดังกล่าวแล้วใช้เอกสารสิทธิที่จำเลยปลอมขึ้น จึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมในแต่ละกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง รวม 39 กระทง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้มีชื่อผู้ได้รับการประมูลเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าและมีหน้าที่รับใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าและใบกำกับภาษีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แล้วนำไปเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าจากประชาชนในเขตหมู่บ้านนาจาร ตำบลหนองสนมอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ในเดือนกรกฎาคม 2542 ตามจำนวนที่ระบุในใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีดังกล่าวเพื่อรวบรวมส่งให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าและใบกำกับภาษีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อันเป็นเอกสารสิทธิโดยแก้ตัวเลขจำนวนเงินในช่อง “รวมเงินทั้งสิ้น” ของใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีฉบับเลขที่ ญ 3654473 และ ฉบับเลขที่ ญ 3654458 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายจัดแจง เสมอพิทักษ์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าจาก “295 บาท 23 สตางค์” เป็น “334 บาท 23 สตางค์” และแก้ไขจาก “450 บาท 17 สตางค์” เป็น “650 บาท 17 สตางค์”ฉบับเลขที่ ญ 3654489 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายทรงศักดิ์ สมจันทร์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “256 บาท 96 สตางค์” เป็น “286 บาท 96 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654493 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายเปโต โพธิ์ผลหรือโพธิมลผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “97 บาท 81 สตางค์” เป็น “137 บาท 81 สตางค์”ฉบับเลขที่ ญ 3654541 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางบัวพัน โพธิมล ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “39 บาท 18 สตางค์” เป็น “69 บาท 18 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654538 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายโมกลทิพ ไตรวงศ์ย้อย ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “55 บาท 05 สตางค์” เป็น “88 บาท 05 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654457 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายคำวาล อาจหาญ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “78 บาท 94 สตางค์” เป็น “98 บาท 94 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654451 ซึ่งออกเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางรวิวรรณ์ โพธิมล ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “136 บาท 69 สตางค์” เป็น “156 บาท 69 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654454 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายชัยศรี พรมส่วน ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “130 บาท 71 สตางค์” เป็น “159 บาท 71 สตางค์”ฉบับเลขที่ ญ 3654446 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางวารี จัดแพนลำ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “20 บาท 78 สตางค์” เป็น “38 บาท 78 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654409 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายลำพูน โคตรภูธร ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “45 บาท 51 สตางค์” เป็น “75 บาท 51 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654503 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางบำเพ็ญ เคนทะชาลี ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “74 บาท 96 สตางค์” เป็น “94 บาท 96 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654497 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางมารี ชำนาญฤทธิ์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “90 บาท 90 สตางค์” เป็น “126 บาท 90 สตางค์”ฉบับเลขที่ ญ 3654411 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางจริยา โพธิมลหรือโพธิบาล ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “65 บาท 01 สตางค์” เป็น “95 บาท 01 สตางค์”ฉบับเลขที่ ญ 3654485 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายศักดิ์ดา เสมอพิทักษ์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “122 บาท 76 สตางค์” เป็น “168 บาท 76 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654412 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายประสิทธิ์ จิตโสม ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “34 บาท 43 สตางค์” เป็น “54 บาท 43 สตางค์” ฉบับเลขที่ญ 3654372 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายอำนาจ อ่อนเขียว ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “272 บาท 70 สตางค์” เป็น “372 บาท 70 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654370 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายเหรียญทอง โพธิ์มลหรือโพธิมลผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “12 บาท 60 สตางค์” เป็น “22 บาท60 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654376 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายสมคิดทิพย์มาตย์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “10 บาท 39 สตางค์”เป็น “40 บาท 39 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654408 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายกาวี ศรีวงศ์ษา ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “45 บาท51 สตางค์” เป็น “75 บาท 51 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654367ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542จากนายรักเล่ห์ เสมอพิทักษ์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “203 บาท70 สตางค์” เป็น “297 บาท 70 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654433ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542จากนางประยูร โพธิมล ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “76 บาท 97 สตางค์” เป็น “96 บาท 97 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654432 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางสีดา โพธิมล ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “102 บาท 84 สตางค์”เป็น “136 บาท 84 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654416 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายนดพิชัย ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “207 บาท 88 สตางค์” เป็น “267บาท 88 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654435 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายบัวแถว มุงคุณผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “76 บาท 97 สตางค์” เป็น “106 บาท97 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654380 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายสุรัตน์ ไตรวงศ์ย้อยผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “28 บาท 65 สตางค์” เป็น “48 บาท65 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654378 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายสามัคคี สมแสน ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “102 บาท 84 สตางค์” เป็น “162 บาท 84 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654363 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายบุญพันธ์ มะลิพงศ์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “24 บาท 72 สตางค์” เป็น “64 บาท 72 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654366 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายหวั่นหรือหวัน พรมแสง ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “96 บาท 87 สตางค์” เป็น “126 บาท 87 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654543 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายนิรันดร์ สัพโส ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “18 บาท 16 สตางค์” เป็น “28 บาท16 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654386 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางทองจันทร์สัพโส ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “59 บาท 03 สตางค์” เป็น “89 บาท 03 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654535 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายหนูไทย ไตรวงศ์ย้อย ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “68 บาท 99 สตางค์” เป็น “92 บาท 99 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654377 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายคำปัน หงคำ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “17 บาท 06 สตางค์”เป็น “27 บาท 06 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654425 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายสมพรโพธิมล ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าแก้ไขจาก “17 บาท 06 สตางค์” เป็น”27 บาท 06 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654428 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายสำราญธิวะโต ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “36 บาท 02 สตางค์” เป็น”56 บาท 02 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654418 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนางฉวีวรรณชิตรัตน์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “146 บาท 64 สตางค์” เป็น “178 บาท 64 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654442 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายพยักวงศ์โอษฐ์ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “128 บาท 72 สตางค์”เป็น “188 บาท 72 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654448 ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542 จากนายสีพยอม คำปิตะ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “96 บาท87 สตางค์” เป็น “116 บาท 87 สตางค์” ฉบับเลขที่ ญ 3654440ซึ่งออกเพื่อเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2542จากนางสาง สุวรรณชัยรบ ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า แก้ไขจาก “14 บาท83 สตางค์” เป็น “18 บาท 83 สตางค์” ทั้งนี้เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่พบเห็นใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าและใบกำกับภาษีดังกล่าวหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารสิทธิที่แท้จริงที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเรียกเก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าจากผู้ใช้กระแสไฟฟ้าเป็นเงินตามจำนวนที่จำเลยแก้ไขขึ้นแต่ละฉบับ แล้วจำเลยนำเอกสารสิทธิที่จำเลยปลอมขึ้นไปใช้อ้างแสดงต่อผู้ใช้กระแสไฟฟ้าดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าหลงเชื่อจึงยอมจ่ายเงินตามจำนวนที่จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวให้แก่จำเลยไป แล้วจำเลยนำเงินส่วนที่เกินจากค่ากระแสไฟฟ้าที่แท้จริงที่รับมาใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนของจำเลยโดยทุจริต โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้กระแสไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคผู้มีชื่อซึ่งรับการประมูลให้เก็บเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าและประชาชนเหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลหนองสนม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนครขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคแรก (ที่ถูกมาตรา 265และมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง)ความผิดที่จำเลยกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 39 กระทง รวมเป็นจำคุก 234 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 117 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 แต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91บัญญัติถึงการกระทำความผิดหลายกรรม มิได้บัญญัติว่าการกระทำความผิดหลายกรรมนั้นจะเกิดขึ้นในวาระเดียวกันไม่ได้ จริงอยู่ถ้ากระทำความผิดต่างวาระกัน จะต้องกระทำความผิดหลายกรรมแต่ไม่ได้หมายความว่า ในวันเดียวกันหรือวาระเดียวกันหรือต่อเนื่องในคราวเดียวกันจะเป็นความผิดหลายกรรมไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์บรรยายไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยแยกกระทงเรียงเป็นลำดับข้อรวม39 กระทง มีใจความว่าจำเลยได้ปลอมใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าและใบกำกับภาษีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นเอกสารสิทธิด้วยการแก้ไขตัวเลขจำนวนเงินค่าใช้กระแสไฟฟ้าที่แท้จริงให้เพิ่มขึ้นจำนวน 39 ฉบับ ซึ่งใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีที่ปลอมดังกล่าวเป็นผู้ใช้กระแสไฟฟ้าต่างรายกัน แล้วจำเลยใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นทั้งหมดไปเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทั้ง 39 ราย เป็นเหตุให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทั้ง 39 รายหลงเชื่อจึงยอมจ่ายเงินตามจำนวนที่จำเลยทำปลอมขึ้นให้แก่จำเลย แล้วจำเลยนำเงินส่วนที่เกินจากค่ากระแสไฟฟ้าที่แท้จริงที่รับมานำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนของจำเลยโดยทุจริต แม้ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำความผิดระหว่างวันที่ 2 สิงหาคม 2542 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2542 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด โดยไม่ได้ระบุว่าการกระทำผิดฐานใดกระทำในวันเวลาใดก็ตามในทันทีที่จำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีฉบับหนึ่งก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิสำเร็จแล้ว เพราะโดยสภาพของการกระทำจำเลยต้องแก้ไขจำนวนเงินในใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีดังกล่าวทีละฉบับ การกระทำของจำเลยแยกออกจากกันได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมรวม 39 กระทง เมื่อจำเลยนำใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีที่ทำปลอมขึ้นดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทั้ง 39 ราย จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมรวม 39 กระทงเช่นกัน แต่เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารสิทธิดังกล่าวแล้วใช้เอกสารปลอมที่จำเลยปลอมขึ้น จึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมในแต่ละกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง รวม 39 กระทง ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง เพียงกระทงเดียว ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น