คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อการสมรสระหว่างโจทก์กับ จ. เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1452 ประกอบมาตรา 1495 เนื่องจาก จ. มีคู่สมรสอยู่แล้วในขณะที่สมรสกับโจทก์มีผลเท่ากับโจทก์กับ จ. มิได้เป็นสามีภริยากันมาแต่แรก จึงไม่อาจถือว่า เงินที่ จ. ได้รับมาในปีภาษี 2539 เป็นเงินได้ของโจทก์ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 57 ตรี โจทก์จึงไม่มีหน้าที่และ ความรับผิดชอบในการยื่นรายการและเสียภาษีสำหรับเงินได้จำนวนดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามแบบหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. ๑๒ เลขที่ สต.๗/๐๑๐๐๕๒๙๐/๑/๑๐๒๔๗๗ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๑ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ สภ. ๑ (อธ. ๓)/๘๓/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๓
จำเลยให้การว่า นางจุฑารัตน์เป็นภริยาโจทก์ที่อยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่ล่วงมาแล้วในปี ๒๕๓๙ นางจุฑารัตน์ได้รับเงินไว้จำนวน ๑๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท จากผู้อื่นเพื่อยอมความในคดีที่นางจุฑารัตน์เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้กับพวก นางจุฑารัตน์จึงเป็นผู้มีเงินได้พึงประเมิน ซึ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๕๗ ตรี ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของ นางจุฑารัตน์เป็นเงินได้ของสามีคือโจทก์ และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีซึ่งไม่มี บทกฎหมายใดกำหนดว่าเฉพาะเงินได้ที่เป็นสินสมรสเท่านั้นที่จะต้องให้สามีรับผิดค่าภาษี โจทก์จึงมีหน้าที่ยื่นรายการและเสียภาษีจากเงินได้ดังกล่าว และแม้การสมรสของโจทก์กับนางจุฑารัตน์จะเป็นโมฆะ แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐๐ บัญญัติว่า ไม่กระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตและได้มาก่อนมีการบันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรสซึ่งศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๒ ให้การสมรสของโจทก์กับนางจุฑารัตน์เป็นโมฆะ แต่สิทธิและหน้าที่ในการประเมินภาษีของจำเลย และหน้าที่ความรับผิดชอบของโจทก์ในการยื่นแบบรายการและเสียภาษีเงินได้พึงประเมินของนางจุฑารัตน์เกิดขึ้นตั้งแต่ปีภาษี ๒๕๓๙ โจทก์จึงยังคงมีหน้าที่และ ความรับผิดชอบในการยื่นรายการและเสียภาษี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยแล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินจำนวน ๑๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เมื่อการสมรสระหว่างโจทก์ กับนางจุฑารัตน์เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๕๒ ประกอบมาตรา ๑๔๙๕ เนื่องจาก นางจุฑารัตน์มีคู่สมรสอยู่แล้วในขณะที่สมรสกับโจทก์ มีผลเท่ากับโจทก์กับนางจุฑารัตน์มิได้เป็นสามีภริยากันมา แต่แรก จึงไม่อาจถือว่าเงินได้จำนวน ๑๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท ที่นางจุฑารัตน์ได้รับมาเป็นเงินได้ของโจทก์ตามความใน มาตรา ๕๗ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ไม่มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการยื่นรายการและเสียภาษีสำหรับเงินได้จำนวนนี้ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. ๑๒) เลขที่ สต. ๗/๐๑๐๐๕๒๙๐/๑/๑๐๒๔๗๗ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๑ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เลขที่ สภ. ๑ (อธ. ๓)/๘๓/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๓

Share