คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธใช้ในการปล้นทรัพย์ด้วย ดังนี้ จะให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธไม่ได้ เพราะเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกรวมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ ข้อ ๑๔ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่า จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔ จำคุกจำเลย ๑๒ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๔,๑๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจริงดังฟ้อง คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยมิได้บรรยายว่า จำเลยกับพวกมีอาวุธใช้ในการปล้นทรัพย์ด้วย ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ จึงเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคแรก ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔ คงจำคุกจำเลย ๑๒ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๔,๑๐๐ แก่เจ้าทรัพย์ด้วย

Share