แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งยาสูบอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลักเลี่ยงอากร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิ แล้วจำเลยมีไว้ในครอบครอง และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งบุหรี่จำนวนเดียวกันอันเป็นยาสูบที่มีน้ำหนักเกินกว่าห้าร้อยกรัม ซึ่งมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบฯ มาตรา 19 วรรคหนึ่ง และมาตรา 24 วรรคหนึ่ง นั้น แม้การกระทำนี้จะผิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายฉบับหลายมาตรา แต่ก็เป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ต่อผลอย่างเดียวกัน คือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งยาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว
พ.ร.บ.ยาสูบฯ มาตรา 43 ดังกล่าว มุ่งประสงค์ลงโทษผู้กระทำความผิดที่มีแสตมป์ยาสูบปลอมไว้เพื่อขายหรือเพื่อนำออกใช้โดยตรงเท่านั้น ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏตามคำฟ้องว่า แสตมป์ยาสูบดังกล่าวมีผู้ทำปลอมขึ้นขึ้นและถูกนำมาปิดอยู่บนซองบรรจุยาสูบของกลางแต่ละซองที่จำเลยมีไว้เพื่อขายอยู่แล้ว ซึ่งในการมีไว้เพื่อขายยาสูบแต่ละซองแม้จะมีแสตมป์ปลอมปิดอยู่บนซองด้วยก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะมีแสตมป์ยาสูบปลอมดวงนั้นๆ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อนำออกใช้ตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดและลงโทษจำเลยฐานนี้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานนี้เสียได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 4, 19, 24, 43, 44, 49, 50, 53 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 4, 108, 110, 115 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ริบของกลาง จ่ายเงินสินบนแก่ผู้แจ้งความนำจับ กับจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 19, 24, 43, 49, 50 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 108 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบฐานมีไว้เพื่อขายแก่ประชาชนทั่วไป (ที่ถูก มีไว้ในครอบครอง) ซึ่งบุหรี่ซิกาแรตเกินกว่า 500 มิลลิกรัม (ที่ถูก 500 กรัม) ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ปรับ 53, 325 บาท ฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ ปรับ 79,987.50 บาท ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งแสตมป์ยาสูบปลอม ปรับ 2,000 บาท ฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายบุหรี่ที่ยังไม่ได้เสียภาษีหรือยังไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร ปรับ 8,220 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า ปรับ 4,000 บาท รวมปรับ 147,532.50 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 73,766.25 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและจ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า การที่จำเลยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งยาสูบอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และฐานมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัม กับฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งยาสูบอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ แล้วจำเลยมีไว้ในครอบครอง และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งบุหรี่จำนวนเดียวกันอันเป็นยาสูบที่มีน้ำหนักเกินกว่าห้าร้อยกรัม ซึ่งมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง และมาตรา 24 วรรคหนึ่ง นั้น แม้การกระทำนี้จะผิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายหลายฉบับหลายมาตรา แต่ก็เป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ต่อผลอย่างเดียวกัน คือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งยาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปจึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า สมควรลงโทษปรับจำเลยในสถานเบากว่าที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดหรือไม่ เห็นว่าสำหรับความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 108 มีระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวางโทษปรับเพียง 4,000 บาท ก่อนลดโทษ นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้ต่ำกว่านี้ ส่วนความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งยาสูบอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ มีระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว คดีนี้บุหรี่ซิกาแรตมีราคาของรวมค่าอากร 2,055 บาท ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 8,220 บาท จึงเป็นการลงโทษตามอัตราที่กฎหมายบัญญัติไว้ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่อาจลงโทษปรับให้เบากว่านี้อีกได้ อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ลดโทษปรับในความผิดสองฐานนี้จึงฟังไม่ขึ้น ส่วนความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งแสตมป์ยาสูบปลอมตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 43 ประกอบ มาตรา 53 ตามฟ้องนั้น เห็นควรวินิจฉัยก่อนว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานนี้หรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 43 ดังกล่าว มุ่งประสงค์ลงโทษผู้กระทำความผิดที่มีแสตมป์ยาสูบปลอมไว้เพื่อขายหรือเพื่อนำออกใช้โดยตรงเท่านั้นข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏตามคำฟ้องว่า แสตมป์ยาสูบดังกล่าวมีผู้ทำปลอมขึ้นและถูกนำมาปิดอยู่บนซองบรรจุยาสูบของกลางแต่ละซองที่จำเลยมีไว้เพื่อขายอยู่แล้ว ซึ่งในการมีไว้เพื่อขายยาสูบแต่ละซองแม้จะมีแสตมป์ปลอมปิดอยู่บนซองด้วยก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะมีแสตมป์ยาสูบปลอมดวงนั้น ๆ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อนำออกใช้ตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดและลงโทษจำเลยฐานนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานนี้เสียได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง มาตรา 195 วรรคสอง และมาตรา 215 เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานนี้ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยว่าสมควรลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานนี้ในสถานเบาหรือไม่ต่อไป
อนึ่ง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับ และจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับตามกฎหมาย โดยไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าให้จ่ายจากความผิดฐานใด ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ฐานมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัม และฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ 8,220 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมอีกกระทงหนึ่งแล้ว ให้ปรับ 12,220 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยทุกกระทงเป็นเงิน 6,110 บาท ให้จ่ายสินบนแก่ผู้นำจับ และจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้กระทำผิดในความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ โดยให้จ่ายตามอัตราและวิธีการที่กำหนดในพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.2489 มาตรา 5 (2) มาตรา 7 และ 8 วรรคหนึ่ง ข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งแสตมป์ยาสูบปลอมให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง