แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดว่า ที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึดครึ่งหนึ่งเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยที่ 2 มิได้ให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 2 นำที่ดินพิพาทไปจำนองเป็นประกันเงินกู้ยืนจากโจทก์ ดังนี้ หากเป็นดังที่ผู้ร้องอ้าง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่ตามกฎหมาย ต้องถือว่าผู้ร้องมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) ได้ แต่ตามคำร้องของผู้ร้องเป็นการขอให้ศาลบังคับให้โจทก์แบ่งที่ดินพิพาทในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง และที่ดินพิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีการแบ่งแยกการครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัด คำขอบังคับของผู้ร้องดังกล่าวโดยสภาพไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำร้องนั้นได้ คำร้องมีลักษณะเป็นเรื่องร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นตามมาตรา 287 ผู้ร้องชอบที่จะร้องขอให้กันส่วนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสนั้น ไม่มีสิทธิร้องสอดเข้ามาขอให้บังคับโจทก์แบ่งที่ดินพิพาทในส่วนซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้องตามคำร้องได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 3,309,288.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงิน 2,687,768.22 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยจำเลยทั้งสองจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ไม่น้อยกว่าเดือนละ 10,000 บาท ภายในวันที่ 30 ของทุกเดือน เริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 30 กรกฎาคม 2542 และจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 3 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระงวดใดงวดหนึ่งหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ถือว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็นอัตราร้อยละ 19.25 ต่อปี (ตามคำฟ้อง) นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และยอมให้โจทก์บังคับคดีในส่วนที่ค้างชำระทั้งหมดได้ทันที โดยให้ยึดทรัพย์จำนองคือที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 3405 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ต่อมาจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองคือที่ดินโฉนดเลขที่ 66282 ของจำเลยทั้งสองเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดอ้างว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 ที่ดินโฉนดเลขที่ 66282 ดังกล่าวครึ่งหนึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 และผู้ร้องเนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมรส จำเลยที่ 2 นำที่ดินพิพาทไปจำนองเป็นประกันหนี้กู้ยืนเงินจากโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ร้อง ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ผู้ร้องจึงร้องสอดเข้ามาเพื่อขอให้โจทก์แบ่งที่ดินในส่วนซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องอ้างว่าตนเองมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเพียงบางส่วนและผู้ร้องเป็นภริยาของจำเลยที่ 2 กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้องทั้งหมด
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องจะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความด้วยการร้องสอดได้หรือไม่ ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่าที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึดครึ่งหนึ่งเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยที่ 2 มิได้ให้ความยิมยอมในการที่จำเลยที่ 2 นำที่ดินพิพาทไปจำนองเป็นประกันเงินกู้ยืมจากโจทก์ ดังนี้ หากเป็นดังที่ผู้ร้องอ้าง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่ตามกฎหมาย ต้องถือว่าผู้ร้องมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ได้ แต่ตามคำร้องของผู้ร้องเป็นการขอให้ศาลบังคับให้โจทก์แบ่งที่ดินพิพาทในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง และไม่ปรากฏในคำร้องว่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ได้มีการแบ่งแยกการครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัดหรือไม่ คำขอบังคับของผู้ร้องดังกล่าวโดยสภาพไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำร้องนั้นได้ กรณีคำร้องลักษณะเป็นเรื่องร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องชอบที่จะร้องขอให้กันส่วนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสนั้น หามีสิทธิร้องสอดเข้ามาขอให้บังคับโจทก์แบ่งที่ดินพิพาทในส่วนซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้องตามคำร้องได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ