คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยรับเงิน 40,000 บาท แล้วไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินพิพาทให้โจทก์ ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 1 เดือน ครั้นพ้นกำหนดตามคำบังคับแล้วโจทก์จึงวางเงิน 40,000 บาทต่อศาล จำเลยจะอ้างว่า เมื่อโจทก์ไม่วางเงินต่อศาลภายในกำหนด 1 เดือน ตามคำบังคับต้องถือว่าโจทก์สละสิทธิ ที่พิพาทหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยโดยเด็ดขาด ดังนี้หาได้ไม่ การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีโดยใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์ภายใน 10 ปี เป็นการใช้สิทธิตามคำพิพากษาของศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จะนำบทบัญญัติในเรื่องกำหนดเวลาในการใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาเกี่ยวข้องอีกไม่ได้ และไม่ถือว่าเป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 ด้วย

ย่อยาว

กรณีเนื่องจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยรับเงิน 40,000บาท แล้วไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และให้โจทก์ชำระเงินผลประโยชน์แก่จำเลยตามฟ้องแย้ง 30,000 บาท ให้โจทก์จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 1 เดือน คดีในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ถึงที่สุด ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ครั้นพ้นกำหนดตามคำบังคับจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2514 ว่า โจทก์ไม่ใช้สิทธิไถ่ตามคำบังคับ และไม่นำเงิน 40,000 บาทมาวางศาล ถือว่าโจทก์สละสิทธิไถ่ถอน ที่พิพาทหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย ขอให้ศาลคืนโฉนดที่ดินรายพิพาทแก่จำเลย ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และนัดสอบถาม โจทก์ยื่นคำคัดค้าน พร้อมกับวางเงิน 40,000 บาทต่อศาล

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลบังคับจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีให้ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนโจทก์ย่อมมีสิทธิไถ่ถอนได้ภายในอายุความการบังคับคดี ให้ยกคำร้องของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ขอให้บังคับคดี เป็นการใช้สิทธิตามคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการขายฝาก เพราะเป็นเรื่องที่ล่วงเลยการใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากมาจนศาลได้พิพากษาคดีแล้วจะนำบทบัญญัติในเรื่องกำหนดเวลาในการใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาเกี่ยวข้องอีกไม่ได้ กฎหมายทั้งสองเรื่องจึงไม่ขัดกัน และไม่เป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์ดังฎีกาของจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share