แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ทราบดีตั้งแต่วันฟ้องตลอดมาว่า หุ้นของบริษัทฟ.มีราคาลดต่ำลงโดยตลอด หาใช่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่ตกต่ำลงภายหลังจากที่มีการดำเนินการสืบพยานโจทก์แล้วไม่ โจทก์จึงชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเสียก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กฎหมายกำหนดแต่กลับมายื่นหลังจากวันสืบพยานมาถึง 8 เดือนเศษโดยอ้างเหตุผลเพียงลอย ๆ ว่าขณะที่ฟ้องยังไม่ทราบราคาหุ้นที่แท้จริงเท่านั้น คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ไม่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นได้ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้จำเลยจัดสรรหุ้นบริษัทเงินทุนเฟิสท์ซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด (มหาชน)จำนวน 2,550,000 หุ้นคืนแก่โจทก์โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องในส่วนค่าเสียหายว่า ในระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม 2537ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2537 ซึ่งโจทก์มีสิทธิซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ40 บาท หากจำเลยจัดสรรหุ้นให้โจทก์จำนวน 2,550,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 11.55 บาท โจทก์จะได้กำไรหุ้นละ 28.45 บาท รวมได้กำไรทั้งสิ้น 72,587,500 บาท การที่จำเลยไม่จัดสรรหุ้นให้โจทก์ตามสิทธิ ทำให้โจทก์ไม่ได้รับผลกำไรดังกล่าว และการที่จำเลยไม่จัดสรรหุ้นให้โจทก์ในเวลาที่โจทก์เรียกร้อง ถือว่าจำเลยผิดนัด เมื่อราคาหุ้นตกจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาหุ้นอันได้เสื่อมเสียไประหว่างผิดนัดแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 225 และขอแก้ไขคำขอท้ายคำฟ้องข้อ 2 เป็นว่า หากจำเลยไม่สามารถจัดสรรหุ้นคืนแก่โจทก์ตามฟ้องข้อ 1 ให้ชำระค่าเสียหายแทนเป็นเงิน72,547,500 บาท หรือหากจำเลยจัดสรรหุ้นให้โจทก์ได้แต่ราคาต่ำลงจากราคาหุ้นละ 40 บาท ให้จำเลยชดใช้ราคาที่ยังขาดอยู่จนครบ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เป็นการแก้ไขในเรื่องค่าเสียหายซึ่งจำเลยได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การ และคำฟ้องโจทก์ได้ขอให้จำเลยจัดสรรหุ้นให้โจทก์ในมูลค่าสูงสุดนับแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2537ทำให้จำเลยเสียเปรียบและได้ขอแก้ไขคำฟ้องเมื่อพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีเพียงว่ามีเหตุสมควรที่โจทก์ไม่อาจยื่นคำร้องแก้ไขคำฟ้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การแก้ไขคำฟ้องที่คู่ความเสนอต่อศาลไว้แล้ว ให้ทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลก่อนวันชี้สองสถาน หรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้น ฯลฯ คดีนี้ไม่มีการชี้สองสถาน หากโจทก์ประสงค์จะแก้ไขคำฟ้องก็ต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ปรากฏว่ามีการสืบพยานนัดแรกในวันที่ 22 มกราคม 2540 แต่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2540 เป็นเวลาหลังจากวันสืบพยานถึง 8 เดือนเศษ พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ที่โจทก์อ้างในตอนท้ายคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า มีเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องภายในกำหนด เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทเฟิสท์ซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีการเปลี่ยนแปลงที่ตกต่ำลง ภายหลังจากที่มีการดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์แล้วนั้น ก็ขัดกับข้อความในตอนต้นของคำร้องดังกล่าวเองที่ระบุว่า ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้หุ้นของบริษัทดังกล่าวมีราคาซื้อขายประมาณหุ้นละ 40 บาท แต่ภายหลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีแล้ว หุ้นของบริษัทดังกล่าวมีราคาที่ลดต่ำลงโดยตลอดจวบจนปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าโจทก์ทราบดีตั้งแต่วันฟ้องตลอดมาว่าหุ้นของบริษัทดังกล่าวมีราคาลดต่ำลงโดยตลอด หาใช่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่ตกต่ำลงภายหลังจากที่มีการดำเนินการสืบพยานโจทก์แล้วดังที่อ้างไม่เมื่อโจทก์ทราบเช่นนั้นแล้วก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเสียก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันตามที่กฎหมายกำหนดแต่ก็หาได้กระทำไม่ กลับมายื่นหลังจากวันสืบพยานนานถึง8 เดือนเศษ โดยอ้างเหตุผลเพียงลอย ๆ ว่าขณะที่ฟ้องยังไม่ทราบราคาหุ้นที่แท้จริงเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะโจทก์เป็นผู้ลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นเจ้าของหุ้นจำนวนมากตามฟ้อง ย่อมจะต้องรู้ข้อมูลข่าวสารของราคาหุ้นหากโจทก์ประสงค์จะทราบราคาหุ้นตามฟ้องในวันที่ยื่นฟ้องคดีก็ย่อมสามารถขวนขวายหาข้อมูลได้โดยไม่ยาก คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นได้ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์นั้นชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน