คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเช่าอันเป็นดอกผลนิตินัยที่จะพึงบังคับจำนองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 721 นั้น ต้องเกิดจากการเช่าที่มีอยู่ก่อนและขณะผู้รับจำนองบอกกล่าวบังคับจำนอง ไม่ใช่ค่าเช่าที่คาดหมายว่าอาจให้เช่าได้จำนวนหนึ่งโดยไม่มีการเช่าอยู่เลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับจำนองที่ดินพร้อมบ้านจากนายไพฑูรย์ นวลมณี หุ้นส่วนหรือตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองไปยังนายไพฑูรย์แล้ว มีผลทำให้การจำนองครอบไปถึงดอกผลแห่งที่ดินและบ้าน จำเลยเป็นผู้อยู่ในที่ดินและบ้านที่จำนองโดยไม่มีสิทธิใด ๆ ถือว่าจำเลยเป็นผู้ได้ดอกผลแห่งทรัพย์จำนองซึ่งอาจให้เช่าได้ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินค่าดอกผลพร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยชำระค่าดอกผลเป็นรายเดือนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะมีการไถ่ถอนจำนองหรือออกไปจากทรัพย์จำนอง
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ นายไพฑูรย์ไม่มีอำนาจนำไปจำนอง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกผลจากจำเลยเพราะจำเลยเข้าอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทโดยทำสัญญาจะซื้อจะขายกับห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายไพฑูรย์ไม่มีอำนาจจำนองที่พิพาทการจำนองจึงไม่ผูกพันห้างหุ้นส่วนจำกัดวิเศษมณีรัตน์ โจทก์มิใช่ผู้รับจำนองโดยชอบพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การจำนองของนายไพฑูรย์ผูกพันที่ดินและบ้านพิพาท แต่จำเลยมิใช่ผู้เช่าที่ดินและบ้านดังกล่าว ค่าเช่าที่ดินและบ้านพิพาทที่คาดว่าจะได้ไม่ใช่ดอกผลของที่ดินและบ้านที่จำนอง โจทก์ฟ้องเรียกมิได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่าดอกผลที่โจทก์จะพึงบังคับจำนองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๒๑ นั้น ต้องถือตามมาตรา ๑๑๑ ที่บัญญัติว่าดอกผลของทรัพย์ทั้งหลายนั้นมีความหมายดังนี้ ๑. ดอกผลธรรมดา กล่าวคือว่าบรรดาสิ่งทั้งปวงซึ่งได้มาเพราะใช้ของนั้นอันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติของมัน ดังเช่นว่า ผลไม้ น้ำนม ขน และลูกของสัตว์ เหล่านี้ย่อมสามารถถือเอาได้เวลาเมื่อขาดตกออกจากสิ่งนั้น ๆ ๒. ดอกผลนิตินัย กล่าวคือว่า ดอกเบี้ย กำไร ค่าเช่า ค่าปันผล หรือลาภอื่น ๆ ที่ได้เป็นครั้งเป็นคราวแก่เจ้าทรัพย์จากผู้อื่นที่ได้ใช้ทรัพย์นั้น ดอกผลเหล่านี้ย่อมคำนวณและถือเอาได้ตามรายวัน ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าค่าเช่าอันเป็นดอกผลนิตินัยนั้นต้องเกิดจากการเช่าที่มีอยู่ก่อนและขณะผู้รับจำนองบอกกล่าวบังคับจำนอง ไม่ใช่ไม่มีการเช่าอยู่เลยแล้วคาดหมายว่าอาจให้เช่าและได้ค่าเช่าจำนวนหนึ่งจากทรัพย์จำนองในภายหน้า ฉะนั้นค่าเช่าที่ดินและบ้านพิพาทที่จำนองซึ่งโจทก์คาดว่าจะได้ตามฟ้องจึงไม่ใช่ดอกผลที่โจทก์จะพึงบังคับจำนองเอาจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๒๑
พิพากษายืน

Share