คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ส่งอ้างเอกสารเป็นพยานในคดีหลังจากที่สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว และโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้นไว้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดี แม้จะส่งยื่นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจสั่งรับไว้เป็นพยานของศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของบิดามารดาจำเลย บิดาจำเลยยกให้จำเลยและจำเลยครอบครองตลอดมา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทคนละครึ่ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานคู่ความเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายที่พิพาท แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว โจทก์ส่งอ้างสัญญาซื้อขายที่พิพาทโดยอ้างว่าเพิ่งค้นพบ จำเลยค้านว่าเอกสารนี้โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานและจำเลยไม่มีโอกาสสืบหักล้าง แต่ศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ถือว่าเป็นพยานเอกสารที่เรียกมาจากโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งรับเอกสารดังกล่าว ก็โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๖ วรรคท้าย และโดยเหตุเอกสารนี้เป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดี แม้โจทก์จะส่งยื่นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ศาลชั้นต้นก็เห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงสั่งรับไว้ คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการปฏิบัติไปโดยชอบ แต่การที่ศาลจะรับฟังเอกสารนี้เป็นพยานเพิ่มเติมก็ต้องให้โอกาสแก่คู่ความในอันที่จะใช้สิทธิเกี่ยวด้วยกระบวนพิจารณาเช่นว่านั้น โดยเฉพาะเอกสารนี้จำเลยยังคัดค้านอยู่ว่าไม่มีโอกาสสืบหักล้างศาลจึงไม่ควรด่วนวินิจฉัยคดีไปในชั้นนี้ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานคู่ความเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share